เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวดีๆ รับต้นปี 2024 เมื่อมีร้านอาหารไทยแห่งใหม่ KHAAN (ขาล) ของเชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ เจ้าของรางวัล MICHELIN Young Chef Award 2021 ได้เปิดบ้านหลังใหม่พร้อมนำเสนออาหารไทยพื้นบ้านทั้ง 4 ภาค ผสมผสานระหว่างอาหารชาววังและสตรีทฟู้ดเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าสนใจ ผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวของอาหารและวัฒนธรรมการกินของคนในแต่ละถิ่นให้ทุกคนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น
ภายใต้บ้านหลังสีแดงอันโดดเด่น ดีไซน์อันเรียบหรูผสมผสานความเป็นไทยออกมาได้อย่างชัดเจน พร้อมกับป้ายชื่อร้านที่ตั้งจากปีนักษัตรของเชฟ “ปีขาล” และสื่อถึงการบอกเล่า “ขาน” ถึงความอร่อยและให้ทุกคนได้สนุกกับประสบการณ์กับอาหารไทยในแนวของเชฟออ้อม เพราะที่นีไม่ได้เสิร์ฟในแบบดั้งเดิม แต่ผ่านการปรุงรสชาติและใส่แนวคิดอย่างสร้างสรรค์ลงในแต่ละเมนูได้อย่างน่าประทับใจ จนออกมาเป็นเทสติ้งเมนูทั้ง 11 คอร์ส เริ่มด้วยอะมุสบุช 4 คำ ตัวแทนจาก 4 ภาค ที่เสิร์ฟมาบนรากไม้สวยงาม
ภาคใต้ ไข่ตุ๋นแกงคั่วเนื้อปู เชฟนำเสนอแกงคั่วปูได้อย่าน่าสนใจ รสชาติเผ็ดถึงเครื่อง หอมกลิ่นสมุนไพร เรียกได้ว่าเปิดมื้อได้อย่างร้อนแรง สำหรับภาคตะวันออก หมูชะมวง เชฟรังสรรค์ได้แปลกใหม่หนังหมูนำมาทำให้กรอบบางกินคู่กับซอสชะมวง
ภาคกลาง เมี่ยงดอกบัว ที่นำไอเดียจากขนมเค้กสาลี่จากจังหวัดสุพรรณบุรี และภาคเหนือปิดท้ายด้วยความสดชื่น สับปะรดภูแลเผาแช่น้ำทับทิมและเสาวรส เป็นการเปิดต่อมรับรสและเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
จานสุดประทับใจ หอยเชลล์ลาบเมือง เนื้อหอยเชลล์ดิบจากญี่ปุ่น เสิร์ฟกับซอสหอยแมลงภู่ผสมผักแพรวให้ความสดชื่นและเผ็ดชาอ่อนๆ กินคู่กับผักกาดก้านหอม หรือ โอซุ่น ได้ความสดชื่นเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
สำหรับจานอยากเล่าขานให้ทุกคนต้องมาลิ้มลองคือ ข้าวพันผัก จานพื้นบ้านจากจังหวัดอุตรดิตถ์คล้ายกับข้าวเกรียบปากหม้อ ทำจากข้าวสังข์หยดหมัก นำไปโม่แล้วนึ่งจนเป็นแผ่นแป้ง คลุมบนไส้หัวไชเท้าดรายเอจผัดกับพีนัตบัตเตอร์ มันแกว มันม่วง มันส้ม และเผือก ราดซอสขิงผสมกับใบหูเสือ ได้รสสดชื่นและเนื้อสัมผัสที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
ถัดมา ต้มข่าหอยนางรม เชฟนำต้มข่าสมัยก่อนมาบรรจบกับสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ หอยนางรม (Belon Oyster) เสิร์ฟในซุปเห็ดออริจิแช่กับเครื่องต้มข่า ท็อปด้วยโฟมหอยตะโกรมกรามขาว รสครีมมี ที่เชฟแนะนำว่าเวลากินให้ผสมกัน
ระหว่างมื้อคั่นด้วย น้ำพริกอ่อง ที่เชฟตั้งใจเสิร์ฟแบบเย็นทำเป็นกรานิตามะเขือเทศ ได้กลิ่นและรสชาติของสมุนไพรอ่อนๆ เปรี้ยวนิด ช่วยล้างปากได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่ได้ล้างปากไปสักเล็กน้อยแล้วก็เริ่มจานหลักกับ แกงบุ่มไบ่ แกงโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เชฟทำรสชาติออกมาได้อย่างเข้มข้น กินคู่กับเนื้อแกะจากประเทศออสเตรเลียที่เชฟนำไปอบจนได้เนื้อสัมผัสที่ฟูกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวบาสมาติกหุงอย่างเทศ สีสันสวยงามเม็ดข้าวร่วนกำลังดี
และต่อด้วยจานขนมหวาน ฟักท๊อง ฟักทอง เมนูขนมหวานที่มาพร้อมกับ Live Station ที่ใช้ทุกส่วนของฟักทองได้อย่างน่าสนใจ กินคู่กับไอศกรีมฟักทองและเนื้อฟักทองเชื่อม กลิ่นหอมมัน หวานกำลังดี
ปิดท้ายด้วย Pettit four 4 คำ ได้ไอเดียมาจากทั้ง 4 ภาคเหนือ ข้าวดุกงาดำ ทำเป็นทรงบุหรี่กินคู่กับงาขี้ม่อน ภาคใต้ ขนมด้วงดอกดาหลา มาร์ชเมลโลรูปตัวหนอนกินคู่กับกลีบดอกดาหลา ลอดช่องแตงไทย น้ำกะทิ ทาร์ตข้าวเหนียวดำสอดไส้เผือกกวน ท็อปด้วยลอดช่องใบเตย มะปี๊ด ช็อกโกแลตจากจังหวัดระยอง สอดไส้เจลและแยมที่ทำมาจากส้มมะปี๊ด
เป็นคอร์สอาหารไทยที่นอกจากจะได้ลิ้มรสความอร่อยแล้ว ยังได้เดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภาคอีกด้วย
14 3 ซอย สมคิด แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 1033
คอร์สละ 3,850 บาท ไวน์แพร์ริง 6 แก้ว 2450 บาท
รับบัตรเครดิตและ Visa ทุกประเภท
Tag:
ร้านอาหาร, อาหารไทย, ไฟน์ไดนิง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น