Red Lobster ร้านล็อบสเตอร์สัญชาติอเมริกัน ขยายความอร่อยในประเทศไทยแล้วถึง 2 สาขา ทั้งสาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ และสาขาใหม่ Emsphere กับจุดเด่นด้านความสดใหม่ของล็อบสเตอร์เนื้อหวาน ตัวโต จากมหาสมุทรในแถบอเมริกาเหนือ ซึ่งคัดเลือกสายพันธุ์ชั้นดีอย่าง Maine Lobster มา เพื่อส่งต่อเนื้อล็อบสเตอร์คุณภาพดีสู่ผู้บริโภค พร้อมด้วยตู้เลี้ยงล็อบสเตอร์ โชว์ความสดใหม่ บริเวณหน้าร้าน แถมยังมีตุ๊กตาล็อบสเตอร์สีสดใส น่ารัก เรียกความสนใจให้กับผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมา
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Red Lobster นั่นคือการเปิดตัวคอนเซปต์ใหม่เฉพาะสาขา Emsphere กับ Red Lobster Café ที่จะเปลี่ยนบรรยากาศร้านอาหาร ให้กลายเป็นคาเฟ่ทันสมัย ตกแต่งด้วยโทนสีแดง ดำ คงไว้ซึ่งความหรูหรา แต่ชิลมากขึ้น ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่อยากรับประทานอาหารทะเล แต่ก็ชื่นชอบบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มากมาย
Live Maine Lobster with Loaded Cheese & Butter เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน กับล็อบสเตอร์สายพันธุ์จากรัฐเมน ตัวโต เนื้อแน่น ที่อบพร้อมชีสหลายชนิด และเนย แต่ที่เด็ดสุดคือชีสกรูแยร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เพิ่มกลิ่นหอมละมุนให้กับจานนี้สุดๆ
แต่ถ้าใครอยากได้รสชาติล็อบสเตอร์ที่หลากหลาย ก็ต้องเมนูนี้เลย… Duo Lobster เพราะทางร้านจะจัด Lobster tail มาให้ถึง 2 ตัว! ซึ่งแต่ละตัวจะมาจากกรรมวิธีที่ต่างกัน ตัวหนึ่งปรุงรสด้วยซอสเนยกระเทียม สูตรเฉพาะของทางร้าน ส่วนอีกตัวจะนำไปอบด้วยเนย และชีส นั่นเอง
ส่วนคนรักเส้นไม่ต้องห่วงว่าจะมีแต่เมนูล็อบสเตอร์เพียวๆ เพราะที่นี่เขาก็มีเมนูสปาเกตตี ที่มาพร้อมซอสแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ในชื่อเมนู Spaghetti Black n’ Pink with Mixed Seafood and Lobster เส้นสปาเกตตีความสุกแบบอัลเดนเต คลุกเคล้าด้วยซอสพิงก์ ซอสที่เกิดจากการผสมผสานของครีม กับซอสพาสต้ามะเขือเทศสูตรของทางร้าน ได้รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่มีเลี่ยนแน่นอน
ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ตัวเส้นเท่านั้น แต่เมนูนี้จะมาพร้อมกับส่วนหางของล็อบสเตอร์ กับเหล่าผองเพื่อนใต้ทะเลอย่าง หอยแมลงภู่ กุ้ง และคาลามารีอีกด้วย
พักเบรกอาหารหนักๆ ด้วย Citrus Shrimp & Avocado Salad สลัดกุ้งอะโวคาโด ที่เพิ่มรสชาติด้วยผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน อย่างส้ม และสตรอว์เบอร์รี เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดแพสชันฟรุต เรียกว่าเป็นเมนูปลุกความสดชื่นที่ไม่ควรพลาด
มาต่อกันที่เมนูของกินเล่น Cheesy Lobster & Shrimp Dip เอาใจคนชอบกินมันฝรั่งทอดอบกรอบ โดยทางร้านจะใช้ข้าวโพดกรอบ ตอร์ติยาชิปส์ วางล้อมรอบถ้วยชีสดิปตามสูตรของร้าน ซึ่งจะผสมเนื้อล็อบสเตอร์ลงไปให้ได้เคี้ยวกันเพลินๆ รู้ตัวอีกที ก็อาจจะหมดจานเรียบร้อย
ยังมี Cheddar Bay Biscuits อีกหนึ่งของกินเล่นที่โดดเด่นของร้าน เพราะใช้แป้งสูตรเฉพาะ ผสมรวมกับ Cheddar Cheese จนออกมาเป็นบิสกิตกลิ่นหอม รสชาตินุ่มนวลชวนฝัน
เมนูของหวานที่อยากให้ลิ้มลอง แนะนำ Chocolate Banoffee French Toast ตัวโทสต์รสช็อกโกแลตทำออกมาได้นุ่มละมุนลิ้นมาก ผสานกับกล้วยหอม ไอศกรีม และวิปครีมในหนึ่งคำ อร่อยลงตัว ไม่หวานเกินไป ใครไม่ชอบกินหวานมากเป็นต้องถูกใจ
สำหรับเครื่องดื่มที่แนะนำของ Red Lobster จะเป็นม็อกเทล Atlantic Blue สีฟ้าสดใส และ After Sunset สีแดงสดสวย ดื่มแล้วสดชื่น เพราะมีทั้งผลไม้ และโซดา
พิเศษสำหรับลูกค้าที่รับประทานอาหารของร้าน Red Lobster Café สาขา Emsphere รับสิทธิ์ Cheddar Bay Biscuits บิสกิต Signature ของร้านไปฟรีๆ 1 ชิ้น และรับฟรี 4 ชิ้น เมื่อร่วมกิจกรรมกับทางร้าน โดยกดติดตาม Instagram และ Facebook ของ Red Lobster Thailand และโพสต์ภาพอาหาร พร้อมติดแฮชแท็ก #redlobsteremsphere ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567
ถ้าการกินซีฟู้ด เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมตลอดปี หน้าหนาวปีนี้ คงต้องลองซีฟู้ดของ Red Lobster อีกหลายๆ ครั้งซะแล้ว
ชั้น GM ศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ (Emsphere) เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร (BTS สถานีพร้อมพงษ์)
เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
Tag:
ซีฟู้ด, ร้านอาหารทะเล, ล็อบสเตอร์, เอ็มสเฟียร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น