ว่ากันตามจริง Volti Ristorante & Bar ก็ไม่ใช่เพียงบ้านใหม่สำหรับเชฟลูก้า คาสินี (Luca Casini) เท่านั้น แต่เป็นห้องอาหารอิตาเลียนแห่งใหม่ของโรงแรมฯ ที่ปรับโฉมใหม่จากห้องอาหารแอนเจลินีเดิม
โวลติออกแบบใหม่ให้ดูสบายมากขึ้นด้วยภาพใบหน้าคนที่ยิ้มแย้ม เข้ากับชื่อที่แปลว่า “ใบหน้า” ในภาษาอิตาเลียน เพิ่มเติมส่วนของโคลด์คัตที่เชฟสไลซ์ใหม่ๆ ด้วยตัวเอง รวมถึงเลาน์จบาร์ซึ่งออกแบบขึ้นมาใหม่ให้เป็นมุมนั่งดื่มก่อนและหลังมื้ออาหาร
เชฟลูก้าย้ายมาจากห้องอาหารอิตาเลียนในโรงแรมบ้านใกล้เรือนเคียงนี่เอง เชฟเล่าว่าโวลติเน้นรสชาติดั้งเดิม แต่ทวิสต์บางอย่างเข้าไปเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับจานอาหาร Yellow Fin Tuna Carpaccio ทูน่าเยลโลว์ฟินสไลซ์บางเฉียบ ปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำมันมะกอก น้ำมะนาว หอมดอง มัสตาร์ด ส้มสด และผักไมโครกรีน ซึ่งเชฟทวิสต์โดยนำส้มสดและหอมดองเข้ามาเพิ่มรสชาติให้สดชื่นขึ้น Marinated Octopus หนวดปลาหมึกสโลว์คุกกับผักนาน 5-6 ชั่วโมงแล้วลอกหนังออก หน้าตาคล้ายไส้กรอกแต่เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบไม่เหมือนเนื้อสัมผัสเดิมของปลาหมึก กินกับสลัดมันฝรั่งที่ได้รสเปรี้ยวหวานจากมะเขือเทศตากแห้ง
มาที่จานพาสตา Fettuccine Porcini เส้นเฟตตูชินีทำเองปรุงง่ายๆ กับน้ำมันมะกอก กระเทียม น้ำสต๊อกผัก และเห็ดพอร์ชินีสดผสมแห้ง เส้นหนึบหน่อยได้รสหวานอร่อยจากเห็ดและน้ำสต๊อกผัก มีรสเปรี้ยวหวานของมะเขือเทศตากแห้งเพิ่มรส
ส่วนจานหลักที่มีให้เลือก เช่น Roasted Sea Bass ปลากะพงอบกับซัฟฟรอน ไวน์ขาว เลมอน และผักซาลิคอร์เนีย (Salicornia) หน้าตาคล้ายหน่อไม้ฝรั่งแต่เล็กและเนื้อสัมผัสต่างกัน จานนี้เนื้อปลาหวานหอมซัฟฟรอน
จานสุดท้าย Italian Tenderloin เชฟลูก้าบอกว่าสเต๊กแบบอิตาเลียนต้องเนื้อวัวฟาสโซเน (Fassone) จากพรีมอนด์ เนื้อไม่เหนียวและไม่ละลายเกินไป มีอะไรให้เคี้ยว ไขมันไม่มาก ราดเพียงน้ำมันมะกอก กินกับสลัดร็อกเก็ต ชีสพาร์เมซาน และบัลซามิกก็อร่อยแล้ว
ส่วนของหวานเป็น Panna Cotta เชฟผสมรสของเลมอนลงไปพร้อมวานิลลา ราดหน้าด้วยอะมาเรตโต กินกับสตรอว์เบอร์รีซอร์เบย์ และมาสคาร์โปเนเย็นฉ่ำ
โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ 89 ซอยวัดสวนพลู ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ
Tag:
, พานนาคอตตา, พาสต้า, เนื้อวัว,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น