ท่ามกลางความคึกครื้นในยามราตรีบนถนนเยาวราช อาคารพาณิชย์ขนาด 5 ชั้นสูงตระหง่าน ณ หัวมุมที่ตัดระหว่างถนนเยาวราชและถนนมังกร ได้เปลี่ยนจากร้านขายทองเดิมเป็นอาคารโฉมใหม่พร้อมชื่อและป้ายเก๋ ๆ ว่า ‘โกลด์สมิท’
เมื่อเลื่อนสายตาลงมาจากป้ายโกลด์สมิทเพียงนิดเดียวก็จะเห็นป้ายไฟเขียนว่า Chop Chop Cook Shop เป็นตัวอักษรสีแดงเปล่งประกายแข่งกับแสงไฟทุกดวงบนนถนนเยาวราช ที่นี่คือร้านอาหารแห่งใหม่คอนเซปต์จัดจ้านภายใต้การสร้างสรรค์ของเชฟเดวิด ทอมป์สัน ชวนย้อนเวลาหาอดีตกับร้านอาหารสไตล์กุ๊กช็อป เสิร์ฟอาหารทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นตะวันตก จีน หรือไทย
ยุคทองของร้านกุ๊กช็อปนั้นเคยมีอยู่จริงในหน้าประวัติศาสตร์ช่วงปี ค.ศ. 1930 – 1970 ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะตามย่านชุมชนจีนเช่นเยาวราช คนทำอาหารมักจะเป็นคนจีนไหหลำ เอกลักษณ์ของกุ๊กช็อปเลยออกมาเป็นอาหารตะวันตกสไตล์จีนปนไทยตามใจคนกิน และจะเสิร์ฟเป็นคอร์สแบบตะวันตก แยกจานใครจานมัน ไม่ได้แชร์กันอย่างอาหารไทย
กุ๊กช็อปในสไตล์ของ Chop Chop Cook Shop ถอดเอากลิ่นอายจีนของเยาวราชมาใส่ไว้ในร้านอย่างเต็มพิกัด ทั้งหลอดไฟนีออนตัวอักษรภาษาจีน รูปวาดมังกรบนบานกระจก ผนังที่เต็มไปด้วยสร้อยคอทองคำ แม้แต่พนักงานในร้านก็ยังใส่เครื่องประดับทองคำไปทั้งตัว แต่ในขณะเดียวกันบรรยากาศรอบ ๆ ก็ยังแฝงไปด้วยภาพของร้านไดเนอร์แบบอเมริกันและสีสันแบบป๊อบอาร์ตที่ลงตัวอย่างน่าทึ่ง
ในเมื่อเชฟเดวิด ทอมป์สันเอาคอนเซปต์ของกุ๊กช็อปมาเล่นอย่างจริงจัง เมนูในร้านจึงให้กลิ่นอายของตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกส่วนผสมและวัตถุดิบบางอย่างที่กินแล้วถูกปากคนเอเชียแบบเรา ๆ
สำหรับ Starters นั้นให้รสชาติออกไปทางตะวันตกเสียส่วนใหญ่ เริ่มต้นด้วยเมนูที่ใช้ซอสแมรี่โรสสไตล์อังกฤษแท้ ๆ แบบดั้งเดิมเลยคือ Crab Marie Rose ซึ่งเป็นซอสที่มักจะเสิร์ฟกับกุ้ง แต่ที่ Chop Chop Cook Shop ปรับใหม่เป็นเนื้อปูม้า มาพร้อมกับจานเคียงเป็นขนมปังนมญี่ปุ่น เนื้อเหนียวนุ่มพร้อมกับเนย
ต่อมาเป็นการจับคู่ระหว่าง Devil on Horseback และ Angel on Horseback ซึ่งเป็นจานรวมเมนูเก่าแก่ระกับร้อยปีจากอังกฤษเช่นกัน เมนูได้ชื่อว่า Devil นั้นมาในรูปลักษณ์ที่ดำทะมึนสมชื่อนั้นทำจากลูกพรุนพันเบค่อน ส่วนด้านในสอดไส้ด้วยตับไก่และอัลมอนด์ ส่วน Angel นั้นเป็นหอยนางรมพันโพรชุตโต้ย่างเนยสมุนไพร
ฝั่งอาหารจานหลักนั้นค่อนข้างสร้างความแตกต่างไปจากจานเรียกน้ำย่อยไม่น้อย ด้วยส่วนผสมสไตล์เอเชียนหลาย ๆ อย่างที่ใส่มาในจานอย่างโดดเด่น เช่น Butter Prawn กุ้งแม่น้ำสดใหม่ราดซอสเนย เครื่องเทศ และพริกเสฉวน
Debal Curried Sausage เป็นจานที่รวมทั้งอาหารอังกฤษดั้งเดิม อาหารโปรตุกีส และอาหารมาเลเซียเข้าไว้ด้วยกัน ออกมาเป็นไส้กรอกในซอสเกรวี่หัวหอมที่และเครื่องเทศ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแกงกะหรี่แบบมะละกา ประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ยังจับคู่มากับ Side Dish อย่าง Chop Chop Mash มั่นฝรั่งบดสไตล์จีน ใส่หอมแดง หัวไชเท้า รวมทั้งเครื่องพะโล้ บดในครกจนเนื้อเหนียวก่อนจะนำไปผัดในกระทะอีกทีเพื่อให้กลิ่นหอม และอีกจานคือ Sugar Snap Pea Salad สลัดถั่วลันเตาหวาน คลุกเคล้ามาในน้ำสลัดบัตเตอร์มิลก์ เพิ่มความเผ็ดร้อนแบบไทยเข้าไปนิดหน่อยด้วยพริกหนุ่มย่าง
ขนมหวานปิดท้ายมื้ออาหารนั้นน่าสนใจไม่แพ้ของคาว ไม่ว่าจะเป็น Beehive Sponge with Banana Custard สปอนจ์เค้กคาราเมลและกล้วยเนื้อหนึบ ราดซอสคัสตาร์ดรัมเรซิน หรือ Ginger Milk Curd with Macadamia Tuile ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกินเต้าฮวยน้ำขิง แต่ตัวคัสตาร์ดนั้นทำมาจากนมแพะสดและใส่น้ำขิง ท็อปบนแก้วด้วยตุอีล หรือขนมเบื้องแมคคาเดเมียบางกรอบ
ส่วนเครื่องดื่ม Chop Chop Spiced Coffee & Tea ปิ๊งไอเดียมาจากเครื่องดื่มตามคาเฟ่ในฮ่องกง เป็นชาผสมกับกาแฟสดใส่นมในแบบฉบับหวานน้อย โดยใช้ชาและกาแฟที่คัดสรรส่งตรงมาจาก จ.เชียงใหม่
ส่วนชั้นที่ 2 ของอาคารโกลด์สมิทนั้นเป็นที่ตั้งของบาร์ชื่อเดียวกัน ประดับประดาสไตล์จีนเข้ากับย่านเยาวราช แต่ที่พิเศษสุด ๆ คือการจับมือกับแบรนด์ผ้าไหมไทย จิม ทอมป์สัน ในการออกแบบลวดลายเบาะเก้าอี้ โซฟา ไปจนถึงลวดลายบนฝาผนัง ไปด้วยกันได้ดีกับโคมไฟสไตล์จีน สร้างบรรยากาศชวนเคลิบเคลิ้มไปกับเครื่องดื่มอย่างไม่รู้เบื่อ
เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของโกลด์สมิทบาร์นั้นมีให้เลือกจากเมนูหลายหน้าเลยทีเดียว แต่ที่แนะนำว่าต้องลองก็คือแก้วที่ชื่อว่า Goldsmith ตามชื่อของอาคารและบาร์แห่งนี้ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวอดก้าญี่ปุ่น เหล้าแบล็กเบอร์รี่ และเหล้าสมุนไพร ไซรัปปีโนต์ นัวร์-ชิตาเกะ บลูเบอร์รี่ และเลมอน ให้รสชาติของผลไม้และสมุนไพรชัดเจน แถมยังมีอูมามิด้วย
High Tea In The High Tower เป็นแก้วที่มีปริมาณแอลกอฮอล์แบบเบา ๆ จากส่วนผสมของสาเก เหล้าบ๊วย ชาอู่หลง โรสแมรี ที่ให้รสชาติดื่มง่าย หอมกลิ่นดอกไม้ และให้ความสดชื่นได้ดีทีเดียว
Kirb Stomp ม็อกเทลรสชาติเปรี้ยวอมหวานแบบผลไม้ทรอปิคัล จากมะม่วง ชบา เกรนาดีน โทนิค และน้ำเกลือ
เป็นมุมใหม่ที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศสนุกสนานและคึกครื้นของเยาวราช และในขณะเดียวกันก็เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยเมนูอาหารสไตล์กุ๊กช็อปที่เราอาจจะหลงลืมไปแล้ว
328 ถ.เยาวราช แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
จันทร์-ศุกร์ 15.00-21.30 น. และ เสาร์-อาทิตย์ 12.00-21.30 น.
Tag:
กุ๊กช็อป, ร้านอาหาร, เยาวราช
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น