มุมหนึ่งในบริเวณอาคารมหาทุนพลาซ่าคือที่ตั้งของ Hybrid Restaurant and Wine Bar ร้านอาหารไทยในสไตล์ผสมผสานที่สะดุดตาด้วยประตูไม้กรุกระจกบานใหญ่และผนังอิฐมอญสีส้ม อีกด้านหนึ่งของร้านเป็นครัวเปิดให้มองเห็นทีมเชฟตระเตรียมจานอาหารกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่พื้นที่ชั้น 2 ของร้านก็เตรียมพร้อมสำหรับการเป็นไวน์บาร์ขนาดย่อม
เชฟซาช่า - ยอดหญิง ภูมิเจริญ ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของร้านและเชฟประจำร้านตั้งใจคัดสรรเมนูอร่อยในความทรงจำ ทั้งที่เป็นเมนูประทับใจในวัยเด็กและเมนูที่เคยปรุงให้เพื่อนๆ รับประทานกันเมื่อครั้งทำงานอยู่อิตาลี โดยรังสรรค์ขึ้นใหม่ซึ่งแน่นอนว่าต้องพลิกแพลงให้เป็นสไตล์ Hybrid และเป็นเมนูลายเซ็นต์ที่อยากทุกคนได้ลิ้มลอง ในคอนเซ็ปต์ Modern Interpretation of Thai Cuisine with a Twist
ทางร้านจะเสิร์ฟอาหารเป็นเซ็ตคอร์สซึ่งมีให้เลือก 3 เซ็ต เป็นเซ็ตเล็ก กลาง และใหญ่ ทุกเซ็ตสามารถเลือกเสิร์ฟพร้อมไวน์แพริ่งได้ อาทิ เซ็ตกลาง Day Dreaming ที่ประกอบด้วย Amuse-Bouche เรียกน้ำย่อยกันด้วยข้าวเกรียบมันฝรั่งที่มาพร้อมครีมซอสมันฝรั่งข้าวโพดหวานตกแต่งด้วยดอกไม้จิ๋วสีสวย อีกชิ้นเป็นปลาหมึกนึ่งมะนาวที่ทำมาในรูปเจลลี่ให้รสชาติจี๊ดจ๊าดกำลังดี และชิ้นที่ 3 เป็นทาร์ตน้ำพริกกะปิที่เพิ่มโยเกิร์ตเข้าไป ภายในตัวทาร์ตมีไข่เจียวและใบชะคราม ท็อปด้วยไข่เค็มชิ้นเล็กๆ และตูเล่อบกรอบๆ อร่อยลงตัวทุกคำ
จากนั้นเสิร์ฟจานแรกเป็น Garden of Flavour ซึ่งเชฟซาช่าเผยว่าคือต้มข่าปูที่ปรับรสชาติใหม่ หน้าตาสวยงามชวนกิน เชฟใช้ดอกซูกินียัดไส้เนื้อปูผสมพริกเจลาเปโน่ ผิวมะกรูด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยขาวนิดหน่อย ตกแต่งด้วยผักเกล็ดหิมะ วางมาบนน้ำซอสรสชาติชวนให้น่าค้นหาไม่เบา จานนี้เชฟเน้นให้อร่อยด้วยความสดของวัตถุดิบที่ไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งรสชาติมากนัก และมีความเป็นอิตาเลียนในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนผสมผสานอยู่
จานถัดมา Bloody Buff หรือบีฟทาร์ทาร์ ซึ่งก็จะเป็นลาบก้อยของบ้านเรานั่นเอง เชฟเลือกใช้เนื้อเทนเดอร์ลอยน์อาร์เจนติเนียนซึ่งมีความนุ่ม และไม่คาว ปรุงให้เหมือนลาบก้อยสไตล์อีสาน ตัวซอสเป็นมะขามผสมวิสกี้และข้าวคั่ว เพิ่มความหอมด้วยแบล็กมินต์ ปิดหน้าด้วยบีตรูตเจลสีแดงสดเพิ่มความรู้สึก Bloody เต็มพิกัด
ต่อด้วย Sunrise in Chiang Mai ซึ่งก็คือข้าวซอยไก่ แต่ความพิเศษของจานนี้อยู่ที่ตัวเส้นซึ่งทำจากมันฝรั่ง ทั้งเส้นนิ่มและเส้นกรอบ น้ำแกงข้าวซอยรสชาติกลมกล่อม มีไก่หมักสมุนไพรซึ่งนำไปซูวีดกับแรดิชดอง ตักกินพร้อมกันในหนึ่งคำ อร่อยไม่เป็นรองจานไหนๆ
มาถึง Palate Cleanser เมนูล้างปากที่เชฟเล่าขำๆ ว่าลูกค้ามักจะขอเพิ่ม เป็นซอร์เบต์ฝรั่งสีชมพู เสิร์ฟกับแผ่นคาราเมลน้ำปลาหวาน โรยผงบ๊วย แต่งด้วยช่อโหระพาอิตาเลียนสีม่วง ได้ความรู้สึกถึงการกินฝรั่งจิ้มน้ำปลาหวานที่หอมคาราเมล จานนี้เชฟได้แรงบันดาลใจจากความชอบกินฝรั่งแช่บ๊วยในวัยเด็ก
ชามถัดไป Thailand to Japan เป็นแกงส้มไทยสไตล์ญี่ปุ่น ปรุงจากปลาหิมะ อาร์ติโชก ใบชะคราม ท็อปด้วยไข่ปลาเทราต์ น้ำซุปเป็นแกงส้มผสมกับผงดาชิและยูซุ ได้รสชาติของแกงส้มแต่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นผสมผสานอยู่ซึ่งเชฟซาช่าสามารถบาลานซ์รสชาติของเครื่องแกงส้มกับผงดาชิได้กลมกล่อมมาก
ของหวาน My Favorite Colors เป็นเมนูข้าวเหนียวมะม่วงที่ทำออกมาในสไตล์ Hybrid คำแรกเป็นมูสกะทิ มูสมะม่วง และมูสเสาวรส ท็อปมาบนข้าวเหนียว โรยพิสตาชิโอครัมเบิ้ลรอบๆ มีเจลลี่เสาวรสและมะม่วงสุกวางเคียงข้างกันมา แนะนำให้กินไล่เรียงรสชาติไปตามลำดับสร้างความประทับใจได้ดีเยี่ยม
ปิดท้ายด้วย Petits Fours ซึ่งเป็นช็อกโกแลตซีเล็กชั่น รูปทรงปิรามิดสามเหลี่ยมเป็นมูสช็อกโกแลตน้ำผึ้งดอกลำไยกับอัลมอนด์ รูปครึ่งวงกลมสีเขียวเป็นเลมอนผสมเสจ ภายในเป็นไวต์ช็อกโกแลต และชิ้นสี่เหลี่ยมเป็นดาร์กช็อกโกแลตและเฮเซลนัต ใครเป็นแฟนคลับช็อกโกแลตต้องไม่พลาดทั้ง 3 รสชาติ
จบมื้อให้ฟินด้วยชาเบลนด์สูตรพิเศษของทางร้านที่มีส่วนผสมของสับปะรดแห้ง ผิวส้ม ผิวเลมอน เก็กฮวย ไทม์ แซฟฟรอน และลาเวนเดอร์ อีกสักแก้ว
- Déjà vu Set Menu 1990 บาท Wine Pairing 1590 บาท
- Day Dreaming Set Menu 2990 บาท Wine Pairing 1790 บาท
- Travel Diaries Degustation Menu 4120 บาท Wine Pairing 2190 บาท
876, 878 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
สำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร. 08-1101-2500
เปิดบริการ วันอังคาร-เสาร์ เวลา 17.00-24.00 น. หยุดวันอาทิตย์และจันทร์
Tag:
ร้านอาหารไทย, อาหารไทย, อาหารไทยทวิสต์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น