การออกแบบร้านด้วยโทนสีดำ-แดง ยังไม่สามารถสู้ความร้อนแรงของไฟที่ลุกโชนจากห้องครัวของ LAVA Asian Fire Grill ได้ เพราะที่นี่ได้ยกเอาเทคนิคการย่างอาหารแบบเอเชียมาปรุงอาหารในแต่ละจานให้มีความพิเศษไม่เหมือนที่ใดจริง ๆ
LAVA Asian Fire Grill เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง เชฟเจริโก แวน เดอ วูฟ (Jeriko Van der Wolf) ,ลูคัส โมลินา (Lucas Molina) และ เอเดรียน อัสตังโย (Adrien Astagneau) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการย่างอาหารด้วยฟางแบบญี่ปุ่น แต่นำมาปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ การย่างฟางจึงกลายเป็นการย่างไฟแบบ “โคโคยากิ (Kokoyaki)” หรือการย่างด้วยกาบมะพร้าวนั่นเอง
ไม่ใช่แค่อาหารย่างเท่านั้นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารเอเชีย ส่วนของจานเรียกน้ำย่อยก็ล้วนมีกลิ่นอายของความเอเชียสอดแทรกเข้ามาด้วย เช่น Ponzu Truffle Sashimi ซาชิมิที่เลือกได้ระหว่างแซลมอนดองกับหอยเชลล์ มาในซอสพอนสึที่ผสมผสานกับน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล ได้ทั้งความเค็มเปรี้ยวสดชื่นแบบญี่ปุ่น พร้อมกับกลิ่นหอมจากเห็ดทรัฟเฟิล ท็อปด้วยใบชิโสะเพิ่มกลิ่นฉุนที่เข้ากันอย่างน่าประหลาดใจ
Crab Avocado Salad ก็เป็นอีกจานเรียกน้ำย่อยที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับใครที่มองหารสชาติสดชื่นและละมุนในคำเดียว เพราะจานนี้เป็นการรวมตัวกันของความมันและความสดชื่นจากอะโวคาโดซัลซา มะม่วง และเนื้อปูแน่น ๆ
เมื่อเรียกน้ำย่อยแล้ว มาอุ่นเครื่องกันต่อกับ Truffle Liver Toast ขนมปังบริออชชิ้นพอดีคำ ท็อปด้วยตับไก่บด และชีสทรัฟเฟิลพาร์เมซาน ที่ความกลมกล่อมของส่วนผสมนั้นช่างลงตัวกับขนมปังบริออชที่โทสต์มาอย่างดีจนได้เนื้อที่เหนียวนุ่มและมีความกรอบตรงผิวด้านนอก หรือถ้าใครชื่นชอบอูนิ หรือไข่หอยเม่น ก็มีอีกตัวเลือกในเมนู Hokkaido Uni Toast ให้ลิ้มลองด้วยเช่นกัน
ส่วน Wagyu Katsu Sando จะเป็นเมนูอุ่นท้องที่ถูกใจสายเนื้ออย่างแน่นอน ด้วยเนื้อวากิวชิ้นหนาพอดีคำ ในความสุกแบบมีเดียมแรร์ ประกบด้วยขนมปังเป็นเหมือนแซนด์วิช มาพร้อมมัสตาร์ดและวาซาบิดองให้เพิ่มรสชาติได้ตามใจชอบ
จานซิกเนเจอร์ของร้านที่พลาดไม่ได้ ต้องยกให้กับ Truffle Risotto & Ox Tongue รีซอตโตสไตล์อิตาเลียน แต่ที่นี่เลือกใช้ข้าวญี่ปุ่นมาปรุง จับคู่กับลิ้นวัวตุ๋น แล้วท็อปด้วยทรัฟเฟิลสดแบบแน่น ๆ
ต่อด้วย Beef Tartar & Bone Marrow ที่น่าสนใจด้วยการหยิบทาร์ทาร์เนื้อเทนเดอร์ลอยน์กับไขกระดูกมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน พร้อมด้วยเครื่องปรุงรสสไตล์เอเชียและพาร์เมซาน กลายเป็นมิติใหม่ของเมนูทาร์ทาร์เนื้อที่มีความกลมกล่อมแฝงรสชาติของอาหารเอเชียเข้ามาด้วย
เมื่อที่นี่ชูจุดเด่นเป็นอาหารย่าง LAVA Asian Fire Grill จึงนำเสนอทั้งเนื้อวากิวและเนื้อแบล็กแองกัส โดยมีตัวเลือกที่โดดเด่นในเมนูคือ Australian Wagyu Tomahawk เนื้อออสเตรเลียนวากิวโทมาฮอว์กที่มีความกรอบเกรียมจากพริกไทยบนผิวด้านนอก รวมถึงเมนู Chef’s Omakase Board สเต๊กบอร์ดไซส์ยักษ์จัดเต็มกับเนื้อแบล็กแองกัสแฮงเกอร์ เนื้อแบล็กแองกัสริบอาย เนื้อวากิวเทนเดอร์ลอยน์ และเนื้อวากิวสเกิร์ต
ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่ยังคงได้รับแรงบันดาลใจมาจากขนมสไตล์เอเชียเช่นกันกับเมนู Fortune Cookies คุกกี้เสี่ยงทายชิ้นใหญ่อลังการ มาพร้อมกับกล้วยหอม อัลมอนด์สไลด์ ครัมเบิล ราดซอสช็อกโกแลต และขาดไม่ได้คือ คำทำนาย! ที่มาช่วยสร้างความสนุกสนานระหว่างมื้ออาหาร
สำหรับเครื่องดื่ม ที่ LAVA Asian Fire Grill มีบริการตั้งแต่ไวน์คลาสสิกไปจนถึงไวน์หายาก รวมถึงค็อกเทลที่ผสมผสานความเป็นเอเชียเข้าไปด้วย โดยมีซิกเนเจอร์ยอดนิยมอย่างโคโค่นัท 2.0 (Coconut 2.0), อันเดล (Andale!), ซูชิ มี (Sushi me) และ พิงค์ สวอน (Pink Swan)
สำหรับการเดินทางบทใหม่ของ LAVA Asian Fire Grill ในปี 2566 นี้ จะมีกิจกรรมพิเศษในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็น การร่วมมือกันกันระหว่างเชฟจากต่างร้าน ธีมอาหารในแต่ละสัปดาห์ และมื้อดินเนอร์ไวน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งในเดือนมิถุนายนนี้ ร้าน LAVA ภูมิใจนำเสนอ “LAVA x TEPPEN Fusion of Flavors” การรวมตัวกันของสุดยอดเชฟทาคาโอะ (Chef Takao) จากร้านเท็ปเป็น (Teppen) และเชฟเจริโก (Chef Jeriko) จากร้าน LAVA มาร่วมกันปรุงเมนูอาหารระดับมาสเตอร์พีชด้วยการใช้เทคนิคการย่างไฟร่วมกับเทคนิคการทำอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ขณะที่เดือนกรกฎาคม ร้าน LAVA จะจัดงาน Sunday Brunch Edition เป็นครั้งแรก
ซ.ทองหล่อ10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 12.00 - 14.30 น. และ 18.00 น. เป็นต้นไป
Tag:
ทองหล่อ, ร้านอาหาร, เนื้อย่าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น