ตอนนี้อาหารใต้กำลังมาแรงสุด ๆ นอกเหนือไปจากคู่มือมิชลินไกด์ ที่เดินทางลงภาคใต้มาหลายปี แต่เรายังเห็นได้ผ่านร้านอาหารใต้ในกรุงเทพมหานครที่เกิดขึ้นกันเรื่อย ๆ แถมยังน่าลองไปเสียทุกร้าน หนึ่งในนั้นคือ ‘บ้านสะใภ้ใต้’ ร้านอาหารใต้ที่ขายความซี๊ดส่งตรงจากดินแดนต้นตำรับตามแบบฉบับของสะใภ้คนใต้และปรุงด้วยจริตของคนใต้จริง ๆ
บ้านสะใภ้ใต้สร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวเข้าร้านด้วยภาพวาดที่มาพร้อมลายเส้นและสีสันอันโดดเด่นของศิลปิน Pommechan ร้อยเรียงเป็นภาพของตลาดเมืองเก่าตะกั่วป่า จังหวัดพังงา บอกเล่าเรื่องราวของการคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นในภาคใต้มาประกอบเป็นจานอาหารบนโต๊ะของสะใภ้ใต้
เนื่องจากที่ตั้งของบ้านสะใภ้ใต้นั้นอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกับโรงแรม Vic3 Bangkok (โรงแรม วิค 3 แบงค็อก) ในซอยพหลโยธิน 3 ภายในร้านจึงมีทั้งอาหารใต้ที่สามารถเข้ามาลิ้มลองได้ตลอดทั้งวัน และอาหารจานเดียวที่เหมาะสำหรับมื้อเช้าของวัน (แต่ก็สั่งมากินได้ทั้งวันเช่นกัน) อย่างเมนู ข้าวต้มแห้งกุ้งผัดกระเทียมมันกุ้ง กุ้งเนื้อเด้งหั่นชิ้นพอดีคำผัดกับกระเทียมมันกุ้ง ได้รสชาติเค็มมันกำลังดี เข้ากับข้าวต้มแห้งเนื้อเนียน
นอกจากข้าวต้มแห้งที่มีให้เลือกหลากหลายเมนูแล้ว ในส่วนของผัดกะเพราของที่ร้านก็ไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะ เนื้อสเต๊ก Australian Ribeye Grain Fed Dry Aged 30 Day เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวผัดกะเพรา เนื้อริบอายนำเข้าจากออสเตรเลีย ผ่านการดรายเอจมาแล้ว 30 วันจนได้รสชาติและกลิ่นของเนื้อสุดเข้มข้น เพิ่มรสชาติให้เข้มข้นได้กว่าเดิมด้วยน้ำจิ้มซอสกะเพรา กินคู่กับข้าวเหนียวผัดกะเพราที่สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้หลายระดับผ่านลูกเล่นของการกินเผ็ดจากคนในครอบครัวสะใภ้ใต้ ได้แก่ เผ็ดลูกสาว (พริก 1 เม็ด) เผ็ดคนกรุง (พริก 3 เม็ด) เผ็ดสะใภ้ (พริก 5 เม็ด) และเผ็ดนายหัว (พริก 10 เม็ด) เอาใจคนชอบกินผัดกะเพราในแต่ละเลเวล ท็อปด้วยไข่แดงดอง
ส่วนของอาหารใต้สูตรส่งตรงจากตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เริ่มต้นด้วยของเรียกน้ำย่อย กะหรี่พัฟฟ์ไส้ไก่ เสิร์ฟพร้อมอาจาด กะหรี่พัฟตัวอวบไส้แน่น ๆ ที่ผสมผสานไปด้วยเครื่องเทศหลากหลายชนิด ให้กลิ่นอายของอาหารแขกอย่างชัดเจน เมื่อจิ้มกับอาจาดตามแบบฉบับของกะหรี่ปั๊บทางใต้
กระทงทองไก่แบบปีนัง เป็นอีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อยที่ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะเป็นกระทงทองที่แปลกหน้าแปลกตามาในกระทงทรงสูงด้วยพิมพ์แบบเปอรานากันแล้ว ยังมาคู่กับน้ำจิ้มแดงสูตรพิเศษที่ทำจากพริกแห้งและมะเขือเทศสด ทำให้กระทงทองของที่นี่ไม่เหมือนกระทงทองซึ่งเป็นของว่างไทยในแบบที่เราเคยลิ้มลอง
ต่อด้วยเมนู ตำตะลิงปลิงเคยใต้กุ้งเสียบกรอบ เมนูยำที่กินแล้วได้ความเปรี้ยวสดชื่นจากผลตะลิงปลิง แต่ใช้ว่าจะเปรี้ยวเพียงอย่างเดียวเพราะมีเคยใต้และกุ้งเสียบแห้งกรอบมาสร้างรสเค็มตัดกันอย่างลงตัว
สำหรับเมนูข้้าวแบบใต้ ๆ ต้องยกให้กับ ข้าวผัดไตปลาแห้งและไข่เจียวฟู เสิร์ฟพร้อมหมูทอดสะใภ้ ข้าวเมล็ดเรียงตัวสวยสีเหลืองทองจากไตปลาแห้งส่งตรงจากใต้ ได้รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน หอมกลิ่นสมุนไพร มาพร้อมกับไข่เจียวฟู ๆ แนะนำให้สั่งหมูทอดมากินพร้อมกับจานนี้เป็นการเพิ่มความพิเศษพร้อมด้วยน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ด
เส้นหมี่ผัดกระเฉดมันกุ้งและกุ้งแม่น้ำตาปีย่าง เอาใจคนชอบกินกุ้งด้วยกุ้งแม่น้ำตาปีตัวใหญ่เนื้อเด้งหวาน หัวมันเยิ้ม ที่เพียงแค่เห็นก็ชวนให้น้ำลายสอ จัดมาคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดและเส้นหมี่ผัดกระเฉด
เมื่อพูดถึงอาหารใต้แล้วจะขาดเมนู ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ปู ไปไม่ได้ น้ำยาสุดเข้มข้นด้วยเนื้อปู ผสานรสชาติเข้มข้นจากพริกแกงที่ร้านตำเองผสมไปกับน้ำกะทิคั้นสด เสิร์ฟพร้อมไข่เป็ดต้ม และผักเคียงที่ประกอบไปด้วยผักสดหลากชนิดและผักดองแบบใต้
แกงเหลืองมังคุดคัด ปลากะพง ทางร้านเลือกใช้มังคุดคัด หรือมังคุดลูกอ่อนที่สามารถกินได้ทั้งผล ให้สัมผัสออกไปทางหวานกรอบ มาพร้อมปลาชิ้นใหญ่เหมาะสำหรับกินคู่ข้าวสวยร้อน ๆ สักจาน
ผักเหลียงผัดไข่เป็ด เป็นหนึ่งในเมนูอาหารใต้สุดคลาสสิกที่ง่าย ๆ แต่ไม่ว่าใครก็กินได้ ทางร้านนำมาผัดกับไข่เป็ดจึงมีสีสันน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
หมูต้าวอิ้ว หรือภาคใต้ในบางจังหวัดจะเรียกกันว่าหมูฮ้อง เป็นหมูส่วนสามชั้นที่ร้านนำไปตุ๋นกับเครื่องเทศนานถึง 6-8 ชั่วโมงจนเข้าเนื้อ
ห่อหมกปลาไร้แป้งใบชะพลู พิเศษด้วยส่วนผสมเรียบง่ายเพียง 3 อย่างคือ กะทิ พริกแกง และเนื้อปลาอินทรีสด ที่กวนจนเหนียวแล้วนำไปนึ่ง
จบของคาวแล้วต่อด้วยของหวานที่มีให้เลือกอีกหลายเมนูไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมนูโปรดตลอดกาลของร้านอย่าง บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อนและเผือกหอม (กะทิคั้นสด มะพร้าวอ่อนบ้านแพ้ว) ที่ใครได้ลองก็จะต้องประทับใจด้วยเม็ดบัวลอยอัดแน่นด้วยเนื้อของเผือก สอดแทรกด้วยกะทิหวานมัน
สาคูแท้เปียกลำไย สัมผัสเหนียวนุ่มละมุนของเม็ดสาคูแท้ที่หากินได้ยาก ตัดด้วยน้ำกะทิเค็มมัน และที่ไม่เหมือนใครสุด ๆ คือ ไอติมกะทิกับบีโกหมอย ขนมชื่อแปลกของภาคใต้ ที่ทำจากข้าวเหนียวดำต้มกะทิ ซึ่งทางร้านนำมาจับคู่กับไอติมกะทิแบบไทย ๆ ได้อย่างลงตัว
ปิดท้ายด้วยของหวานเพิ่มความสดชื่นขั้นสุด น้ำแข็งไสส้มมะปี๊ด ที่ขนมาทั้งความเปรี้ยวของมะปี๊ดหรืออีกชื่อหนึ่งว่าส้มจี๊ดในรูปแบบของเกล็ดน้ำแข็ง และผลมะปี๊ดสดให้บีบเพิ่มความเปรี้ยวและความหอมสดชื่นในทวีคูณไปยิ่งกว่าเดิม
นอกจากร้านใหญ่ที่ ซ.พหลโยธิน 3 สะใภ้ใต้ยังมีป๊อบอัปชื่อว่า Sapaitai Pop (Block 28) ตั้งอยู่ที่ ซ.จุฬาลงกรณ์ 9 ที่หยิบยกหลากหลายเมนูจากบ้านสะใภ้ใต้ไปเสิร์ฟกันในย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร กับรสชาติที่ทำให้หายคิดถึงภาคใต้ของไทยได้ไม่ยากเลย
89 ซ.พหลโยธิน 3 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ
Tag:
พหลโยธิน, ร้านอาหารใต้, อาหารใต้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น