ต้องขอบอกเลยว่าอาหารเกาหลีนั้น ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่ขาดสาย วันนี้เลยขอพาทุกคนไปสัมผัสประสบการ์ณ Korean Findining หรืออาหารเกาหลีแบบไฟน์ไดน์ ที่แรกในกรุงเทพฯ! ที่ Jucksunchae อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบคุณภาพถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ผ่านการคิดค้นโดยเชฟ Henry Lee เชฟเกาหลีผู้นำแรงบันดาลใจสูตรอาหารของคุณแม่ผสมผสานกับความเป็นตัวเอง ทั้งเทคนิคตะวันนออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
อาหารเกาหลีของ Juckjsunchae (จุกซุนแช) ไม่ใช่แบบ Tradition โดยสิ้นเชิง แต่จะเป็นอาหารเกาหลีที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ หรือ Innovative หน้าตาอาหารจึงดูสนุกสนานและรู้สึกตื่นเต้น แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเรียบง่ายเพื่อให้ทุกคนได้สนุกในแต่ละจานออกมาเป็น 13 เมนู เลยต้องขอยก 10 เมนูโปรดที่ไม่เพียงแต่อร่อยแต่ยังสร้างความประทับใจเมื่อได้ลิ้มลอง
เริ่มด้วย Doenjang Ddalgi (Doenjang Strawberry) เมนูเรียกน้ำย่อยที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ที่เชฟเลือกใช้สตรอว์เบอร์รีเกาหลีสดสอดไส้ด้วยมิโซะผสมกับชีสมาสคาร์โปเน เบิร์นหน้าเล็กน้อยจนส่งกลิ่นหอมเย้ายวน เมื่อเอาเข้าปากแล้วทั้งเข้มข้นและสดชื่นในคำเดียว
ต่อมา Domi Hoe (Sea Bream Hoe) เมนูปลาดิบที่ใช้ปลาเนื้อขาวตระกูล ปลามาได นำมาแล่เป็นชิ้นบาง กินคู่กับเนื้อลูกแพรคอมเพลสในน้ำทับทิมสีแดงสด รสชาติออกเปรี้ยวหวานนิดๆให้ความสดชื่นเข้ากันได้ดีกับเนื้อปลาได้ความเผ็ดนิดๆจากซอสโคชูจังสูตรเฉพาะของเชฟ
มาต่อกันที่ Lobster Jang ( Marinated lobster) เนื้อล็อบสเตอร์ดิบ นำไปดองในซีอิ๊วตามฉบับของคนเกาหลี เสิร์ฟมาในจานยาวที่มาพร้อมกับลูกเล่นในการกิน เชฟบอกว่าให้เริ่มจากด้านขวามมือก่อน จากนั้นค่อยนำสาหร่ายมาห่อกับเนื้อล็อบสเตอร์และข้าว รสเค็มมัน ได้รับความสดของเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ที่ระเบิดอยู่ในปาก
ถ้ามาแล้วทุกคนต้องตื่นตาตื่นใจกับ Gal Bulgogi (Bulgogi Oyster) เนื้อหอยนางรมย่างที่เชฟได้แรงบันดาลในจากคนเกาหลีที่นิยมกินบุลโกกิ (เมนูย่าง) กันอยู่เป็นเป็นประจำ ดัดแปลงโดยใช้เป็นเนื้อหอยนางรมเนื้ออวบย่างสุกกำลังดี เสิร์ฟบนเปลือกหอยนางรมร้อนฉ่า ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ เป็นจานบุลโกกิที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
Beoseot, Jat (Mushroom with Pine Nuts) จานสุดอลังการที่เรียกเสียงฮือฮา เสิร์ฟในกล่องไม้ดูหรูหรา ที่เชฟนำแรงบันดาลใจจากการกินเจของคนเกาหลี เป็นจานที่รวมเห็ดกว่า 7 ชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ย่างด้วยซอสสูตรพิเศษรสกลมกล่อม ท็อปด้วยโฟมพายนัตรสครีมมี ทำให้ดึงเอกลัษณ์รสชาติของเห็ดออกมาได้เป็นอย่างดี
Seong -Gye-Al Bibimbab (Sea Urchin Bibimbab) บิบิมบับไข่ตุ๋นผสมอูนิ ได้เนื้อสัมผัสเข้มข้น ทั้งหอมและมัน เสิร์ฟเคียงกับเครื่องบิบิมบับ บรรจงเรียงมาอย่างสวยงาม กินคู่กับซอสเบอร์บล็องกิมจิขาว (White Gimchi) ที่เชฟหมักเอง เสิร์ฟในจานทองเหลืองให้ความรู้สึกได้ไปเยือนเกาหลี
Galbi (Galbi-Beef Short Rib) จานเมนคอร์สที่สายเนื้อห้ามพลาด เนื้อซี่โครงวัวซูวีดนานกว่า 10 ชั่วโมง ย่างในเตาฟืนหอมสุกกำลังดี ราดด้วยซอสจูส์ผสมโสมเกาหลีรสเข้มข้น พร้อมกับหมูห่อพริก และกิมจิขาวดองไว้สำหรับตัดเลี่ยน
Foie Gras , Bam (Foie Gras with Chestnut Banchan) ลุยต่อกับจานหลักที่เชฟจัดเต็ม ตับห่านชิ้นโต เสิร์ฟมาพร้อมบันชันเกาลัดที่ทำออกมาหลายแบบให้เราได้เลือกรังสรรค์เอง ได้สับเปลี่ยนรสชาติอย่างสนุกสนานถึง 5 รส อาทิ ครีมเกาลัด กิมจิเกาลัด เกาลัดพูเร่ โครเกตต์เกาลัด เป็นจานที่ผสานรสชาติของเนื้อเกาลัดและฟัวกราส์ได้อย่างลงตัว
ตบท้ายด้วย Makgeolli, Soobak , Omija ( Makgeolli,Watemelon, Omija) กรานิตตาเรียกความสดชื่นกลับมาได้เป็นอย่างดีเป็นกรานิตาแตงโม ด้านล่างเป็นเจลลีมักกอลี โรยด้วยพายนัต และ Hotteok ,Vanilla Ice Cream เมนูขนมหวานสตรีทฟู้ดสุดคลาสสิกเกาหลี แป้งต็อกโบกีนำมาห่อถั่วและน้ำตาล กินคู่กับไอศกรีมวานิลลา และนอกจากนี้ยังมี Petit Four เสิร์ฟเป็นอย่างสุดท้ายอีกด้วย เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว มื้อค่ำสุดแสนพิเศษนี้กลับบ้านไปนอนหลับฝันดีแน่นอน
ถือเป็นอาหารเกาหลี อีกหนึ่งท็อปลิสต์ไฟน์ไดน์นิงในใจ
ชั้น 5 อาคาร Woodberry Common ซอยร่วมฤดี เพลินจิต
เปิดบริการ 6.30 p.m. - 11.00 p.m. (วันพุธ-วันจันทร์ หยุดวันอังคาร)
Tag:
Jucksunchae, อาหารเกาหลี, ไฟน์ ไดน์นิ่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น