ร้าน Red Lobster (เร้ด ล็อบสเตอร์) ร้านเชนซีฟู้ดขวัญใจมหาชนจากสหรัฐอเมริกามาเปิดสาขาเป็นครั้งแรกในเมืองไทยแล้ว และยังเป็นที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่หมาดๆ เสียด้วย แบบนี้สายกินที่ชอบอะไรใหม่ๆ ต้องไม่พลาดมาสัมผัสรสชาติของหลากหลายเมนูต้นตำรับกันอย่างด่วน
Red Lobster เปิดครั้งแรกในปี 1968 ที่เมืองเลคแลนด์ รัฐฟลอริดา เริ่มจากธุรกิจครอบครัวก่อตั้งโดยบิล ดาร์เดน (Bill Darden) ซึ่งอยากให้อาหารทะเลอร่อยๆ เข้าถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากทะเลมากขึ้นด้วยการเสิร์ฟซีฟู้ดคุณภาพในราคาเป็นมิตร ปัจจุบันมีสาขาทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวมทั้งในจีน ญี่ปุ่น เม็กซิโก และไทย รวมกว่า 700 สาขาทั่วโลก และที่สาขาประเทศไทยก็ได้นำเมนูต้นตำรับมาให้ลิ้มลองอย่างครบครัน โดยคัดสรรล็อบสเตอร์และซีฟู้ดนำเข้าจากทั่วโลกด้วยกระบวนการที่ยั่งยืน (Sustainable) มาให้ลิ้มลองในบรรยากาศแคชชวลไดนิ่งสไตล์อเมริกัน
เมนูแนะนำเริ่มจากซิกเนเจอร์ต้นตำรับ Cheddar Bay Biscuits (ชิ้นละ 35 บาท) บิสกิตผสมชีสเช็ดดาร์ชั้นดีเนื้อนุ่มเค็มๆ มันๆ อบสดใหม่ทุกวัน เป็นเมนูคลาสสิกที่ฮิตมาตั้งแต่ปี 1992 ลูกค้าทุกคนจะได้ลิ้มลองเมนูนี้ทันทีเป็น complimentary กินเพลินแบบนี้ถ้าอยากสั่งเพิ่มก็มีแบบ 6 ชิ้นและ 12 ชิ้นให้เลือก
ต่อด้วย Signature Jumbo Shrimp Cocktails (180 บาท) อีกหนึ่งเมนูคลาสสิกอเมริกัน “กุ้งค็อกเทล” ไซส์จัมโบ้แกะเปลือกเสิร์ฟแบบเย็นในซอสรสต้นตำรับ เนื้อกุ้งนุ่มเด้งและสดหวาน กินเล่นเพลินๆ ก่อนเข้าสู่จานที่หนักท้องขึ้นอย่าง Lobster Tail Lobster Roll (980 บาท) ล็อบสเตอร์โรลที่ใช้เนื้อล็อบสเตอร์เทลหรือเนื้อส่วนหางทั้งชิ้นมาทำเป็นไส้แบบแน่นๆ กลมกล่อมด้วยส่วนผสมของมายองเนสและเซเลอรีสูตรคลาสสิกตำรับอเมริกัน เสิร์ฟกับร็อกเกตสลัดราดน้ำสลัดบัลซามิกและเฟรนช์ฟราย
ส่วนจานหลักที่คนรักล็อบสเตอร์จะได้จุใจเต็มๆ คำต้อง Live Maine Lobster (1,350 บาท *อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล) ซึ่งต้องนำเข้าเมนล็อบสเตอร์หรือล็อบสเตอร์สายพันธุ์อเมริกาตัวเป็นๆ จากประเทศแคนาดา จุดเด่นของสายพันธุ์นี้คือมีตัวโตและก้ามใหญ่ ใครชอบกินเนื้อส่วนก้ามต้องฟิน และมีเนื้อนุ่มที่สุดในล็อบสเตอร์ทุกสายพันธุ์ และการที่อาศัยอยู่ในกระแสน้ำเย็นในน่านน้ำทะเลแอตแลนติกทำให้ล็อบสเตอร์สายพันธุ์นี้มีเนื้อหวานกว่าล็อบสเตอร์ในทะเลน้ำอุ่น ทางร้านคัดเฉพาะตัวที่มีน้ำหนัก 550 – 600 กรัมมาอบและเสิร์ฟกับ Butter Sauce ซอสเนยรสกลมกล่อม เคียงมากับร็อกเกตสลัดและเฟรนช์ฟราย ถ้าใครแกะเนื้อล็อบสเตอร์ไม่เก่ง ทางร้านมีบริการแกะให้ที่โต๊ะด้วย
ถ้ายังไม่จุใจ แนะนำ Spaghetti Aglio Olio with Live Maine Lobster (1,620 บาท *ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล) เมนูล็อบสเตอร์อบซอสกระเทียมเนื้อหวานดังเดิม เพิ่มเติมคือสปาเกตตีผัดพริกกระเทียมรสเข้มข้นและเผ็ดนิดๆ เป็นเมนูใหม่ที่คิดขึ้นเพื่อเอาใจนักกินชาวไทย รสจัดจ้านลงตัวกับความหวานของเนื้อล็อบสเตอร์
สายซีฟู้ดเน้นๆ ต้องลอง Signature Feasts ซึ่งคัดสรรอาหารทะเลซิกเนเจอร์ของร้านมารวมเป็นจานใหญ่สุดอลังการ มีให้เลือก 3 แบบ ทั้งรวมซีฟู้ดทอดและรวมซีฟู้ดเมนูไฮไลต์ เราแนะนำ Grand Grilled Feast (1,750 บาท) รวมซีฟู้ดย่างแบบเฮลตี้ ได้แก่ ล็อบสเตอร์เทล แซลมอนย่าง และกุ้งเสียบไม้ย่าง เสิร์ฟพร้อม Side Dishes ให้เลือกได้ 2 อย่าง ที่ร้านสาขาไทยมี “น้ำจิ้มซีฟู้ด” เสิร์ฟให้ด้วย ไม่ต้องพกไปเองให้เมื่อย
ปิดท้ายด้วยของหวานอร่อยไม่ธรรมดา Flambé Burnt Cheesecake with Walnut and SangSom Caramel sauce (280 บาท) วอลนัตชีสเค้กเฟลมเบ้ที่ชวนให้หลงรักด้วยความนุ่มเนียนของชีสเค้กตัดกับความกรอบของวอลนัตที่โรยหน้า ชุ่มฉ่ำในซอสโฮมเมดรัมคาราเมล เวลาเสิร์ฟจะ “เฟลมเบ้” รินเหล้ารัมติดไฟเพื่อลดปริมาณแอลกอฮอลล์และให้กลิ่นหอมชวนกิน
ผ่านหน้าร้านเข้ามาเห็นบาร์สวยสง่า แน่นอนว่าทางร้านมีเมนูเครื่องดื่มหลากหลาย ใครชอบรสชาติสดชื่นขอแนะนำค็อกเทลซิกเนเจอร์ Mekhong Bahama Mama (280 บาท) เครื่องดื่มรสเปรี้ยวสดชื่นที่มีส่วนผสมของเหล้ารัม / น้ำส้ม / น้ำสับปะรด / น้ำมะนาว และ Moonlight Mai Tai (250 บาท) เครื่องดื่มที่เหลืองทองเหมือนแสงจันทร์ มีส่วนผสมของเหล้ารัม / ทริปเปิลเซค / น้ำสับปะรด / น้ำส้ม / น้ำมะนาว หรือจะสั่งเป็นม็อกเทล Handcrafted Lemonade Strawberry (180 บาท) เพิ่มความคล่องคอระหว่างมื้ออาหาร
ใครอยากมาเช็กอินความอร่อยของซีฟู้ดสไตล์อเมริกันต้นตำรับแนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า และสามารถจอดรถได้ที่บริเวณที่จอดรถของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากนั้นขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟต์มาที่ชั้น G ร้านอยู่ทางฝั่ง Hall 4 สุดทางเดิน
ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
Tag:
ซีฟู้ด, ล็อบสเตอร์, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น