Tense หรือ กาล ร้านอาหารสไตล์แคชชวลไดนิง ที่พร้อมเล่าเรื่องกาลเวลาผ่านจานอาหาร ด้วยคอนเซ็ปต์ Past (อดีต) Present (ปัจจุบัน) และ Future (อนาคต) โดยไม่จำกัดสัญชาติอาหาร
แต่ละเมนูจัดเสิร์ฟตามเรื่องราวของอาหารในมุมมองต่างๆ เช่น รสชาติที่คุ้นเคยและยังอยู่ในความทรงจำ เสิร์ฟในรูปแบบ “อดีต” ที่มีความดั้งเดิมของอาหาร สำหรับ “ปัจจุบัน” จะเป็นอาหารที่เรามักเคยพบเคยเจอ และสุดท้าย “อนาคต” เสิร์ฟแบบร่วมสมัย ทั้งรสชาติและการตกแต่งจาน ให้มีความแปลกใหม่ ซึ่งประสบการณ์ของแต่ละคนจะเป็นตัวบอกว่าคุณอยู่ใน Tense ไหนในกาลเวลา
ภายในร้านมีเรื่องราวในทุกๆ ดีเทล เริ่มตั้งแต่ทางเข้า ลานจอดรถ และตัวบ้าน ที่ยังคงรักษาโครงสร้างเดิมๆ เมื่อ 50 ปีก่อนไว้ เพื่อเก็บบรรยากาศและสร้างความรู้สึกอบอุ่นให้ใกล้เคียงกับพื้นที่ในละแวกเดียวกัน ส่วนภายในบ้านรีโนเวททั้งพื้นไม้ ฝ้า เพดานและเฟอร์นิเจอร์ โดยออกแบบให้เข้ากับยุคปัจจุบัน ด้านในสุดเป็นพื้นที่ของครัวเปิดโล่งมองเห็นการรังสรรค์เมนูที่กำลังจะมาเสิร์ฟให้คุณภายในเวลาหลังจากนี้
ที่นี่ยังมี Specialty Coffee โดยให้โรงคั่วเบลนด์ให้พิเศษ ในคอนเซ็ปต์ห้วงเวลาภายในหนึ่งวัน นำเสนอ 3 ช่วงเวลา 4 เบลนด์ ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความชอบทั้ง Sunrise (พระอาทิตย์ขึ้น) มี 2 เบลนด์ เหมาะกับกาแฟดำ รสเปรี้ยวนิดๆ ส่วน Sunset (พระอาทิตย์ตก) เป็นกาแฟผสมนม สีสันเหมือนช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก ทั้ง 2 ช่วงเวลานี้เป็นเมล็ดกาแฟคั่วกลาง และ Sunshine (แสงอาทิตย์) จะเป็นเมล็ดคั่วเข้ม ด้วยความเป็นซิงเกิลออริจิน โทนของกาแฟที่คั่วออกมาให้รสชาติและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวที่เราได้กินจะเป็น Piccolo (Sunset Blend) รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟชัดเจน
ต่อด้วย Bread Set มี 4 แบบ ประกอบด้วย Chou Provence, Orange Zest, Classic White Bread, Sourdough และเมนู Tart Namphrik Ong Crispy Pork แนะนำให้กินภายในคำเดียว เพื่อลิ้มรสจัดจ้านของน้ำพริกอ่องสูตรพิเศษรสเปรี้ยวเผ็ด ที่เข้ากันได้ดีกับหมูกรอบเนื้อในนุ่มหนังกรุบกรอบ เป็นการผสมผสานรสชาติที่ลงตัวสุดๆ อร่อยสมกับเป็นจานซิกเนเจอร์จริงๆ
ถัดมาเป็น Ringing A Bell Bao Bao เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากซาลาเปาไส้หมู แต่นำเสนอในรูปแบบใหม่ โดยการแยกส่วนประกอบ และเสิร์ฟคู่ซอสมัสตาร์ด หากกินเปล่าๆ โดยไม่จิ้มซอสจะได้รสชาติของซาลาเปาไส้หมูเต็มคำ ใครอยากเปลี่ยนรสชาติแนะนำให้จิ้มมัสตาร์ด เหมือนได้ลิ้มรสความอร่อยอีกมิติหนึ่ง
Tuna Loin Salad สลัดท็อปด้วยเนื้อทูน่าลอยน์ที่นาบบนกระทะให้สุกแค่ผิวนอก ราดด้วยเดรสซิงสูตรเฉพาะของร้าน ได้รสเปรี้ยวสดชื่น หอมกลิ่นงา
ต่อมาเป็นเมนูขายดีอย่าง Cold Pasta เส้นแองเจิลแฮร์ต้มแบบอัลเดนเต ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอนและสาหร่าย คลุกกับ Tense Sauce สูตรเฉพาะของร้าน เคียงด้วยไข่ออนเซ็น แนะนำว่าคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนตักเข้าปากจะได้ความนัวยิ่งขึ้น
เพิ่มความอิ่มท้องด้วย Satay Steak (200 กรัม) เนื้อออสเตรเลียนเทนเดอร์ลอยน์เสิร์ฟแบบ Medium Rare กับซอสสะเต๊ะที่ได้แรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์ของท่าดินแดง กินคู่กับขนมปังโฮมเมด ได้กลิ่นสมุนไพรจากลูกผักชี ยี่หร่า ช่วยชูรสชาติได้ดีทีเดียว
เข้าสู่เมนูขนมหวานสไตล์ท่าดินแดงอย่าง What Ever It’s Called ? กรานิตาหล่อฮังก๊วย ราดด้วยน้ำขิง มีเครื่องเคราทั้งรากบัว แปะก๊วย และถั่วแดง ท็อปด้วยไซรัปดรอป แนะนำว่าค่อยๆ เจาะให้ความหวานไหลออกมา รสชาติเหมือนบัวลอยน้ำขิง และเต้าฮวยน้ำขิง เมนูนี้จึงแปลชื่อเป็นไทยได้ว่า อยากเรียกอะไรก็เรียก
Plum Wafer มูสช็อกโกแลตเข้มข้น 70 เปอร์เซ็นต์ อินฟิวส์กับบ๊วย เสิร์ฟในเวเฟอร์โฮมเมด โรยหน้าด้วยเนื้อบ๊วย
สำหรับเครื่องดื่มอยากแนะนำ All Time Tense เมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์ เบสเป็นน้ำส้ม มีกลิ่นสมุนไพรนิดๆ ได้อะโรมาหอมๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย รสชาติออกหวาน กินคู่ขนมปังแท่งอบกรอบสไตล์อิตาลี
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มของคนรักสุขภาพ China Feeling ชาม็อกเทล เบสเป็นชาฉุยฟง ได้รสหวานจากหญ้าหวานที่ต้มกับหญ้าฝรั่น หอมกลิ่นชาและมีความเฟื่อนนิดๆ เป็นเอกลักษณ์
เหมือนได้ท่องไปในกาลเวลาที่เราไม่เคยได้พบเจอ
ซ.ช่างนาค ถ.สมเด็จเจ้าพระยา แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน
Brunch (มื้อกลางวัน) 09.00 - 15.00 น. / Dinner (มื้อเย็น) 17.00 - 22.00 น. (ร้านปิดวันจันทร์)
Tag:
คลองสาน, ร้านอาหาร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น