หลังจากเปิดประตูบ้านให้บริการอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ชื่อของ Villa Frantzén ก็กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของเหล่าฟู้ดดี้ในกรุงเทพมหานครทันที พร้อมกับสร้างสีสันให้แวดวงร้านอาหารในเมืองไทยขึ้นไปอีกขั้น ด้วยชื่อเสียงของร้านอาหารนอร์ดิกจากสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เจ้าของดีกรีมิชลิน ไกด์ 3 ดาว และท็อป 25 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกจากรายชื่อ The World’s 50 Best Restaurants ประจำปี 2022 ที่ผ่านมา
สำหรับสาขาใหม่ภายใต้นามว่า Villa Frantzén นั้น ได้เนรมิตบ้านหลังใหญ่ในย่านที่อยู่อาศัยมุมหนึ่งในกรุงเทพมหานครให้กลายเป็นร้านอาหารในวิลล่าสุดหรู พร้อมครัวเปิดโล่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ กระจกบานใหญ่เปิดโล่งให้เห็นสวนสีเขียวด้านนอก และเมื่อฟ้ามืด แสงไฟด้านนอกก็จะเปล่งประกายระยิบระยับสร้างบรรยากาศให้มื้ออาหารเย็น ณ ที่แห่งนี้มีความพิเศษมากกว่าเดิม
ส่วนวิลล่าอีกหลังที่อยู่ติดกัน เปิดเป็น Villa Frantzén Cocktail Bar ค็อกเทลบาร์สไตล์นอร์ดิกที่นำกลิ่นอายเอเชียมาผสมผสานอย่างลงตัว คอยทำหน้าที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยจากการรังสรรค์ของ Gabriel Valdés ผู้จัดการบาร์และทีมของเขา ก่อนการเดินทางไปสู่มื้ออาหาร 5 คอร์ส
Villa Frantzén Cocktail Bar ต้อนรับเราด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์ Plum & Miso ที่ได้กลิ่นอายญี่ปุ่นจากบ๊วยและมิโซะ กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับรสชาติของอัลมอนด์และคาโมมายด์ เบสด้วยดรายจิน คอนยัค และเวอร์มุธ อีกแก้วหนึ่งคือ Caramel, Coffee & Banana ค็อกเทลรสกาแฟ หอมหวานด้วยซอลท์เต็ดคาราเมล และไซรัปกล้วย
แน่นอนว่าในเรื่องของอาหาร ที่นี่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Frantzén ของเชฟ Björn Frantzén ไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมกันนั้นยังสอดแทรกไปด้วยแรงบันดาลใจที่ได้จากอาหารเอเชีย ภายใต้การดูแลของ Martin Enstrom เฮดเชฟของร้าน สำหรับอาหารทั้ง 5 คอร์ส สามารถเลือกแพร์ริ่งกับไวน์หรือเครื่องดื่ม Non-Alcoholic ก็ได้ จากการให้ความสำคัญในการหมักดองอาหาร เครื่องดื่ม Non-Alcoholic ก็ล้วนนำเอากรรมวิธีดังกล่าวนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นแก้วแรก ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากสตรอว์เบอร์รี่หมักรสหวานอมเปรี้ยว เพิ่มกลิ่นและความสดชื่นด้วยมิ้นต์ พร้อมเริ่มต้นคอร์สด้วย Oyster หอยนางรมจากนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ให้รสชาติเค็มอ่อน ๆ ออกครีมมี่จากครีมรมควัน แทรกด้วยความสดชื่นจากน้ำมะนาว น้ำมันซีบัคธอร์น และให้รสเผ็ดเจือมานิด ๆ จากเครื่องปรุงรสฟักทองสไปซี่
ถัดมาคือ Kavring ขนมปังทำจากข้าวไรย์ เป็นหนึ่งในอาหารท้องถิ่นของสวีเดน เสิรฟ์มาพร้อมเนย Bordier จากฝรั่งเศส จากนั้นก็พร้อมแล้วที่จะเข้าสู่อาหารมื้อหลัก โดยทั้ง 5 คอร์สเมนูนี้ผู้กินสามารถเลือกเมนูได้ตามใจชอบคนละ 1 จานต่อ 1 คอร์ส สามารถกินจานใครจานมันหรือกินแบบแชร์กันเพื่อให้ลิ้มลองได้หลากหลายเมนูก็ได้
เริ่มต้นด้วยคอร์สแรกที่เราเลือกเป็น Veal tartare & smoked parsley ทาร์ทาร์เนื้อลูกวัวและผักชีฝรั่งรมควัน คลุกเคล้ากับซาวครีมแบบฝรั่งเศสและมะนาวดอง ให้รสชาติกลมกล่อม มาพร้อมกับไข่ปลาเวนเดซและหัวไชเท้าแตงโม ท็อปด้วยต้นหอมซอยและหอมเจียวสีทอง อีกจานคือ Cold poached lobster & rhubarb ล็อบสเตอร์ชิ้นใหญ่ เนื้อเด้ง และรูบาร์บ ในน้ำซอสรสออกเปรี้ยวจากการผสมผสานของมะเขือเทศ วานิลลา พริกไทยดำ น้ำมันมะกอก และมะนาวเวอร์บีน่า ให้ความรู้สึกคล้ายกินน้ำยำรสชาติเบา ๆ เพิ่มสัมผัสกรุบ ๆ เคี้ยวมันด้วยผลอ่อนอัลมอนด์สีขาว
คอร์สที่สอง Grilled scallops & fermented parsnips หอยเชลล์เนื้อนุ่มหอมกลิ่นย่างเตะจมูกทันทีที่เข้าปาก เพิ่มรสชาติด้วยพาร์สนิปหมักหั่นเต๋าขนาดเล็ก พร้อมด้วยเห็ดทรัฟเฟิลดาชิ หัวหอมใหญ่ และน้ำมันอัลมอนด์ อีกจานหนึ่งคือ Jerusalem artichokes & vendace roe ที่จัดมาให้ลิ้มลองทั้งอาร์ติโช้คแบบสดและแบบทอดกรอบ มาคู่กับไข่ปลาเวนเดซในครีมสด เหยาะน้ำมันเรพซีดสกัดเย็น โรยต้นหอมและดิลล์ ได้อโรม่าในทุก ๆ คำ โดยคอร์สนี้จับคู่กับเครื่องดื่มรสเปรี้ยวที่ได้จากรูบาร์บ แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นของเมล็ดกาแฟหอม ๆ เข้ามาเสริมให้ดื่มได้อย่างเพลิดเพลิน
สำหรับคอร์สถัดมาจับคู่กับเครื่องดื่มสีชมพูขุ่นที่ได้จากข้าวสีแดงผสมน้ำแครนเบอร์รี่ รสชาติกลาง ๆ ดื่มง่าย จับคู่จานอาหารในคอร์ส ได้แก่ Pumpkin & frozen truffle butter เนื้อฟักทองบดละเอียด ท็อปด้วยบรอกโคลี ชีสเวสเตอร์บอตเทน น้ำมันเมล็ดฟักทอง และผักโขม จานนี้ให้รสชาติออกเค็มจากเนยทรัฟเฟิล ผสานกับความหวานธรรมชาติของเนื้อฟักทองได้อย่างลงตัว แถมยังได้สัมผัสกรุบ ๆ ของมูสลี่ถั่วเข้ามาเสริมด้วย อีกจานคือ Baked turbot & green asparagus เนื้อปลาตาเดียวอบราดด้วยซอสหน่อไม้ฝรั่งขาวหมัก ที่มาพร้อมในชามเดียวกันคือหน่อไม้และถั่ว ปรุงรสด้วยสมุนไพรซีตรัสและเพิ่มความหอมสดชื่นด้วยใบมิ้นต์
เข้าสู่เมนคอร์สด้วยเมนู Ox cheeks & caramelized onion velouté เนื้อแก้มวัวตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย ราดซอสเวลูเต ที่ได้จากการเคี่ยวหัวหอมคาราเมล เสิร์ฟพร้อมกะหล่ำดาว ผักชีฝรั่ง และชะเอม ส่วนอีกเมนูนั้นคือ Chicken »pôche-grillé« & scrambled eggs เนื้อไก่ย่างที่เลือกซื้อไก่ท้องถิ่นจากตลาดคลองเตยจับคู่กับไข่คน มาในน้ำซุปไก่สีเข้ม เห็ดทรัฟเฟิล และน้ำมันกระเทียมย่าง ค่อย ๆ ใช้มีด Morakniv สุดพิเศษด้วยด้ามที่มีสีสันและลวดลายพื้นเมืองของสวีเดนที่เรียกว่า Kurbits ละเลียดหั่นเนื้อสัตว์มห้ได้ชิ้นพอดีคำ แพร์ริ่งไปกับน้ำเชอร์รี่หมักกับเกาลัดคั่ว
ปิดท้ายด้วยคอร์สของหวานแพร์ริ่งกับเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายที่มาจากน้ำชาแดงและเลมอน โดยเลือกที่จะล้างปากด้วยรสชาติออกเปรี้ยวของ Blood orange sorbet ซอร์เบต์รสส้มสีเลือด กินคู่กับมูสอูหลง ส้มโอ และเฮเซลนัทอบ หรือจะดื่มด่ำกับความรสชาติอันหนักแน่นของ Smoked ice cream »2.0« ที่มาพร้อมกับถั่วพีแคนโทสต์จนกลิ่นมีกลิ่นหอม คาเคานิบส์ ทาร์ไซรัป ซอล์ทเต็ดฟัดจ์ นำเสนอในรูปแบบของไอศกรีมซ็อกโกแลตภายใต้โดมช็อกโกแลตที่ค่อย ๆ ละลาย ได้กลิ่นของถ่านที่เผาไหม้อย่างชัดเจนเจือไปกับกลิ่นเครื่องเทศที่ได้จากกานพลู
หลังจากดื่มด่ำกับมื้ออาหารเรียบร้อยแล้ว ยังกลับไปนั่งจิบเครื่องดื่มที่ Villa Frantzén Cocktail Bar เพื่อเป็นการปิดท้ายได้เช่นกัน สำหรับซิกเนเจอร์ LICORICE & AIR ส่วนผสมระหว่างวอดก้าอัลมอนด์ ชะเอม บัตเตอร์สก็อต เกลือ และกลิ่นหอมของซีตรัส และโฟมนุ่มบางเบาท็อปด้านบน เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่ท้องอิ่ม ส่งท้ายช่วงเวลาสุดพิเศษที Villa Frantzén ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
7 ซอย เย็นอากาศ 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
เปิด ทุกวัน 17.00-00.00 น. (บาร์) 17.30-00.00 น. (ร้านอาหาร), เสาร์-อาทิตย์ 12.00-13.30 น. (มื้อกลางวัน 1 ตุลาคม เป็นต้นไป)
ราคา 3,500++ บาท, ไวน์แพร์ริ่ง เพิ่ม 2,200++ บาท, Non-Alcoholic แพร์ริ่ง เพิ่ม 1,500++ บาท
Tag:
ร้านอาหาร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น