แดดร่มลมเย็นริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เรือของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ พาเราเทียบท่าหน้าเรือนไม้หลังงาม ยินดีต้อนรับสู่ “บ้านพระยา” (Baan Phraya) ห้องอาหารไทยแห่งใหม่ของโรงแรม
เดิมทีบ้านพระยาเป็นบ้านของพระยามไหสวรรย์ (กอ สมบัติศิริ) และคุณหญิงเลื่อน มไหสวรรย์ ที่สร้างขึ้นราวพ.ศ.2440-2450 ในอดีตบ้านไม้หลังนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เพราะทั้ง 2 ท่านได้เปิดบ้านหลังนี้เพื่อจัดเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับบุคคลสำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่หลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งสูตรอาหารของคุณหญิงเลื่อนยังเป็นที่เลื่องลือว่าหาใครเปรียบโดยเฉพาะขนมไทย ถึงขนาดเคยมีบันทึกไว้ว่า ยากที่หาใครทำขนมหวานได้อร่อยเช่นนี้
นี่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ทางโรงแรมอยากเปิดครัวอันครึกครื้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยมีเชฟป้อม พัชรา พิระภาค เชฟผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยมาเป็นผู้ถ่ายทอด โดยมีโจทย์ว่าหากงานเลี้ยงโก้หรูในยุคสมัยนั้นเกิดขึ้น ณ ขณะนี้ หน้าตาอาหารและรสชาติจะเป็นอย่างไร
เวลคัมดริงก์ของบ้านพระยาเป็นคอมบูชาที่มีส่วนผสมของมะตูมและน้ำผึ้งมัลเบอร์รี่ออร์แกนิก จิบแล้วชื่นใจ แล้วเรียกน้ำย่อยด้วยม้าฮ่อ ที่ปรับโฉมให้หน้าตาทันสมัยโดยเปลี่ยนจากชิ้นสับปะรดเป็นเจลแผ่นสีทองที่ทำจากน้ำสับปะรด กระตุ้นต่อมรับรสได้ดี
ในส่วนอาหารทั้งค่ำ 8 คอร์สที่เชฟป้อมนำเสนอเริ่มด้วย ขนมดอกจอกไข่ปู ที่เชฟทำเป็นของว่างแบบคาว โดยหยอดไข่ปูลงไประหว่างช่องของดอกจอก ออนท็อปด้วยผงไข่ปู ส้มซ่าเจล โรยผิวส้มซ่าด้านบน เมื่อกินพร้อมกันแล้วจะได้ทั้งความกรอบ รสมัน และกลิ่นของส้มซ่าในคำเดียว
คอร์สถัดมายำถั่วพูหอยเชลล์ หอยเชลล์ฮอกไกโดหมักกับหัวน้ำปลา 100 ปี (จากโรงน้ำปลาทั่งง่วนฮะ) ข้างๆ กันคือไข่นกกระทาลวดลายหินอ่อนที่ดองในน้ำกระเจี๊ยบ ได้รสเผ็ดจากน้ำพริกเผาสูตรคุณยายของเชฟป้อม ด้านบนโรยไข่เค็มฝอย ใบเปราะหอม และดอกรวงทอง
ต่อด้วยแกงร้อน หรือที่เรียกว่าวุ้นเส้นแกงร้อน เมนูโบราณหากินยาก เชฟเพิ่มความหรูหราด้วยการนำปลาหมึกมาหั่นเป็นเส้นขนาดเล็กแทนวุ้นเส้น เคี้ยวสนุกสู้ฟัน เคียงด้วยไข่ปลาหมึกสโมค ส่วนน้ำแกงกะทิรสเผ็ดร้อนจากพริกไทย 4 ชนิดคือพริกไทยกัมปอด พริกไทยอ่อน พริกไทยชมพู และพริกไทยขาว
สำหรับคอร์สที่ 4 เป็นคอร์สที่เรารอคอย หลามปลาบู่และแจ่วมะเขือเผา เนื้อปลาบู่ติดหนังประกบกับเนื้อปลาบู่สับ นำไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วย่างด้วยเตาถ่านจนสุกหอม เสิร์ฟกับแจ่วมะเขือเผารสเผ็ดเล็กน้อย กินพร้อมข้าวสวยและผักสด
แล้วล้างปากด้วยด้วยยำผลไม้ เราชอบน้ำยำรสสดชื่นทำจากน้ำส้มซ่า น้ำมะกรูด น้ำมะนาว ผิวส้มซ่า ใส่กุ้งแห้งฝอย และหัวน้ำปลา
เข้าสู่จานหลัก กุ้งแม่น้ำย่างซอสน้ำพริกมะขามและหลนมันกุ้ง กุ้งแม่น้ำตัวโตจากสุราษฎร์ธานี ย่างด้วยเตาถ่าน เนื้อนุ่มแน่น ส่วนมันกุ้งเชฟนำมาทำเป็นหลนกะทิรสนุ่มนวล อีกฝั่งเป็นน้ำพริกมะขามตัดรสกัน เสิร์ฟพร้อมข้าวกล้องจากสกลนคร อีกจานคือพะแนงเนื้อวากิวยอดมะพร้าวอ่อน ความอร่อยอยู่ที่น้ำแกงของพะแนงรสเข้มข้นซึ่งได้จากเครื่องแกงโขลกเองผสานกับน้ำที่ได้จากเนื้อวากิว
ปิดท้ายด้วยรถเข็นขนมหวานที่มีขนมให้เลือกมากกว่า 10 ชนิด โดยมี 4 นางเอกหลักคือไอศกรีมมะพร้าว ที่ทำให้เหมือนมะพร้าวในกะลาขนาดจิ๋ว ตรงกลางเป็นเนื้อมะพร้าวปั่นเป็นมูส ส่วนผิวกะลาทำจากช็อกโกแลต
ส้มฉุน ผลไม้ตามฤดูกาลลอยแก้วเสิร์ฟในผลส้มซ่ารสเปรี้ยวหวานสดชื่น ส่วนน้อยหน่าน้ำกะทิ ใช้น้อยหน่าเพชรปากช่องเสิร์ฟกับน้ำกะทิกรานิต้า และพลาดไม่ได้กับฝรั่งพริกเกลือ ฝรั่งจิ้มพริกเกลือแบบโบราณที่ได้จากการนำเกลือไปคั่วกับมะพร้าวคั่วจนหอม ใส่กุ้งแห้งป่น ปลาหมึกบด เกลือ น้ำตาล รสชาติกลมกล่อมนัก
เป็นความสุนทรีย์ในการกินที่หาได้ที่นี่เท่านั้น...ที่บ้านพระยา
โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ บางรัก กรุงเทพ 10500
สำรองที่นั่งล่วงหน้า 0-2659-9000
ให้บริการเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยตั้งแต่ 17.00-19.00 น. เสิร์ฟอาหารค่ำ 19.00-22.30 น.
อาหารค่ำแปดคอร์ส ราคาท่านละ 3,500 ++
Tag:
อาหารไทย, โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น