วันนี้ชายจุกกลับมาที่ The Bamboo Bar โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ อีกครั้งด้วย 2 เหตุผลใหญ่ เมนูเครื่องดื่มใหม่และนักร้องเพลงแจ๊ซคนใหม่ เหตุผลทั้งคู่ถูกเชื่อมโยงกันด้วยจิตวิญญาณของเพลงแจ๊ซ ใครชอบแจ๊ซ ชายเชื่อว่ามาคราวนี้แล้วจะยิ่งรักที่นี่มากขึ้นไปอีก
ชายแวะเวียนมาที่แบมบูหลายครั้งหลายคราทั้งการมาของบาร์เทนเดอร์รับเชิญ เมนูเครื่องดื่มใหม่ และมานั่งฟังเพลงแจ๊ซนี่แหละ เพราะที่นี่คือบาร์แจ๊ซระดับตำนาน แม้ว่าจะดีไซน์ใหม่ (ราว 2 ปีก่อน) แต่ก็ยังคงความเป็นแบมบูด้วยไม้ไผ่ทั้งผนังและเคานท์เตอร์บาร์ ประดับภาพประวัติศาสตร์และแขกวีไอพีที่เคยมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งนักร้อง นักดนตรี และนักแสดง นอกจากนั้นยังเพิ่มกระจกสะท้อนทั้งเพดานและผนังเพื่อทำให้มีพื้นที่กว้างมากขึ้น รวมถึงระบบเสียงคุณภาพดี
วันนี้เป็นวันแรกของ ซินเทีย อุทเทอร์บัค (Cynthia Utterbach) นักร้องเพลงแจ๊ซคนล่าสุดที่ส่งตรงจากอเมริกา ทำให้จังหวะจะโคนในช่วงเริ่มต้นยังไม่ประสานกับวงดนตรีประจำของที่นี่ แต่ด้วยประสบการณ์แล้วในห้วงเวลาหนึ่งเธอก็แสดงน้ำเสียงและการอิมโพรไวท์ที่ทรงพลังออกมาให้เราเห็นถึงความเป็นศิลปินของเธอ มีบ้างที่นักดนตรีเองก็ถูกเธอนำทางไปในจังหวะส่วนตัวที่ยากเข้าถึง แต่ภาพรวมชายว่ามันตื่นเต้นดี และดึงคนฟังได้ดีเลยแหละ
อีกหนึ่งเหตุผลก็คือเครื่องดื่มเมนูใหม่ของ เจมี่ ไรนด์ (Jamie Rhind) ผู้จัดการบาร์คนล่าสุด แม้ว่าจะเริ่มงานมาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขายังไม่ปล่อยเมนูค็อกเทลออกมา จนเมื่อเดือนก่อนนี่เองที่เริ่มปล่อยหมัดเด็ดออกมา “a Cappella” ที่เชื่อมโยงด้วยกลิ่นอายของแจ๊ซผ่านเครื่องแก้วและศิลปินเพลงแจ๊ซ เขาบอกว่าเพลงแจ๊ซเป็นเรื่องของสัมผัส เขาจึงตีความให้ออกมาเชื่อมโยงแบบมีเรื่องให้ต้องคิดตามมากกว่าตีความตรงๆ
ชายแนะนำวิธีสั่ง 2 แบบ ถ้าชอบเพลงแจ๊ซชายเชื่อว่าคงคุ้นเคยกับชื่อเพลงและชื่อศิลปินที่เจมี่ใช้แทนชื่อค็อกเทล เลือกศิลปินคนโปรดแล้วขอให้ซินเทียร้องเพลงนั้นตามไปเลย หรือใช้สัญชาตญาณของคอค็อกเทลเลือกตามที่ชอบดูจากส่วนผสมก็พอจะบอกชายในระดับหนึ่ง
แก้วที่ดีที่สุดที่ชายชอบเป็น Riffin The Scotch – Billie Holiday (520 บาท++) แก้วนี้เด่นที่รสอุมามิที่ได้จากวิสกี้กับเห็ดแห้งที่นำไปซูวีนานกว่า 3 ชั่วโมงกลายเป็นวิสกี้ซุปเห็ด ตัดด้วยรสเปรี้ยวหวานของน้ำลูกแพร์ จะบอกว่าเป็นซุปเห็ดที่มีรสเปรี้ยวและอุมามิก็ได้
ตามด้วยแรงบันดาลใจจากศิลปินชื่อก้องโลก Hit The Road Jack – Ray Charles (520 บาท++) เจมี่ตีความโลกของเรย์ด้วยแก้วสีดำสนิทที่มองไม่เห็นภายในแก้ว แต่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นรสค็อกเทล เบอร์เบิ้น สวีทเวอร์มุท ดรายเชอรี่ และจินเจอร์ เติ่มกลิ่นของเลมอนรอบแก้ว
และ Kiss of Fire – Louis Armstrong (520 บาท++) ค็อกเทลในแก้วรูปไปป์ที่สะท้อนตัวตนของหลุยส์ อาร์มสตรองค์ แก้วนี้มีความสโมคปนกับฟรุตตี้ เก๋ที่วิธีดื่มที่ต้องยกไปป์กระดกหมือนกำลังสูบไปป์
ใครอยากมาฟินครบจบในครั้งเดียวแนะนำวันจันทร์ถึงเสาร์ ตั้งแต่ 3 ทุ่ม เพราะเป็นเวลาทำการของซินเทีย ส่วนเจมี่อาจจะหาตัวจับยากนิดนึงเพราะเดินทางไปทำค็อกเทลในต่างประเทศเป็นครั้งคราว
โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซอยโอเรียนเต็ล ถนนเจริญกรุง บางรัก กรุงเทพฯ
วันอาทิตย์-พฤหัสบดี 17.00-01.00 น. วันศุกร์-เสาร์ 17.00-02.00 น.
Tag:
, ค็อกเทล, บาร์,
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น