ถ้าพูดถึง ‘ชาไทย’ แล้วก็ต้องเห็นเป็นภาพของชาสีส้ม ๆ รสชาติหวานหอมกลมกล่อม ดื่มแล้วมีพลัง ซึ่งสีส้ม ๆ ที่เป็นจุดเด่นนี้ก็สอดคล้องไปกับร้านชา Citizen Tea Canteen of nowhere ที่มาพร้อมสีส้มฉูดฉาด โดดเด่นขึ้นมาจากบ้านเรือนเก่าแก่โบร่ำโบราณภายในซอยวานิช 2 ย่านตลาดน้อย ที่ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานพอ ๆ กับจุดเริ่มต้นของถนนเจริญกรุงเมื่อร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้
Citizen Tea Canteen of nowhere เรียกตัวเองว่า ‘สภาชา’ ล้อเลียนไปกับคำว่าสภากาแฟซึ่งเป็นสถานที่ที่คอกาแฟมักจะมานั่งจับเข่าพูดคุยกัน ส่วนที่นี่ก็เป็นสถานที่ของคนรักการดื่มชาโดยเฉพาะ ถึงแม้จะมีเมนูให้เลือกไม่เยอะมาก แต่ทั้งหมดก็ได้รับการคัดสรรมาแล้วอย่างดี ทั้งชาร้อน ชาเย็นใส่นม และชาเย็นแบบไม่ใส่นม โดยใบชาเกือบทั้งหมด (ยกเว้นชาซีลอน) นั้นได้มาจากไร่ชาใน จ.เชียงราย เป็นหลัก
เริ่มต้นด้วยชาร้อน Signature Tea ซึ่งมีให้เลือก 4 เบลนด์ด้วยกันคือ Blend No. 10 BuaLoi Blend (บัวลอย) ชาดำรสเข้ม ผสานไปด้วยกลิ่นและรสชาติของขิงและมะม่วงแบบเบา ๆ ชวนให้นึกถึงฤดูร้อนของกรุงเทพฯ Blend No. 11 Pina Colada Blend (ปิญญาโกลาดา) ได้แรงบันดาลใจมาจากค็อกเทลรสหวานจากดินแดนแคริบเบียน ที่ให้กลิ่นของมะพร้าวและสับปะรดเข้ากับใบชาเขียว ให้บรรยากาศทรอปิคัล Blend No. 12 Banana Bread Blend (ขนมปังกล้วย) เป็นอีกเบลนด์ที่ใช้ชาดำที่มาพร้อมกับกลิ่นเครื่องเทศที่สอดแทรกไปกับกลิ่นเข้มข้นของกล้วย และที่ได้จิบในคราวนี้คือ Blend No. 13 Duck Noodle Blend (เป็ดตุ๋นเจ้าท่า) ที่เป็นซิกเนเจอร์ประจำร้านที่ใช้ใบชาเขียวมาจับคู่กับแรงบันดาลใจจากก๋วยเตี๋ยวเป็ด ชาจึงมีรสเข้มข้นไปด้วยเครื่องเทศพะโล้อย่างโป๊ยกั๊ก รวมถึงชะเอม ที่จิบแล้วคล่องคอ
เข้าสู่เมนู Thai Milk Tea ที่ในโอกาสนี้เราได้ลิ้มลองทั้งหมด 2 เบลนด์ด้วยกันคือ Blend No. 3 Sweet Sunrise ที่ให้ทั้งสีส้มจัดและรสชาติที่เข้มข้นที่สุดในทุกเมนูชานมที่มี และ Blend No. 4 Suede Sunset ที่ให้รสชาติเบาบางกว่า สีจะไม่ส้มเท่ากับเบลนด์หมายเลข 3 ความพิเศษนั้นอยู่ที่เทสต์โน้ตของกล้วยและดอกไม้ โดยชานมทั้งหมดภายในร้านจะชงรสชาติหวานน้อย ใช้นมข้นหวานที่สั่งทำเป็นพิเศษ แต่ถ้าต้องการเลือกความหวานเอง ก็มีทั้งระดับ Very Low, Low, Moderate,Slightly Sweet และ Bold Sweet
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มในเมนู Black Tea Style โดยเลือกเป็น Blend No. 6 Nhor Khao (หน่อเค่า) กาแฟผสมชาดำสไตล์จีน ไม่ใส่นม ให้ความสดชื่นด้วยการผสมผสานระหว่างกลิ่นและรสออกผลไม้ และถ้าจะให้ดี ต้องสั่งขนมเปี๊ยะไส้ไข่เค็มลาวาและช็อกโกแลตมารับประทานคู่กันด้วย บอกก่อนว่ามีจำนวนจำกัด
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Citizen Tea Canteen of nowhere น่าไปเยือน นอกจากจะเป็นร้านชาแล้ว ในพื้นที่เดียวกันนี้ยังทำหน้าที่เป็นโชว์รูมสินค้าภายใต้แบรนด์ Citizen of Nowhere งานหัตถกรรมที่เปี่ยมด้วยความจัดจ้าน แฝงด้วยกลิ่นอายของย่านตลาดน้อย ในระหว่างชั่วโมงที่ดื่มด่ำกับชาก็สามารถเดินสำรวจสินค้ารอบ ๆ รวมถึงบริเวณชั้นสองของร้าน ก็นับเป็นความสนุกสนานเพิลดเพลินใจไปอีกแบบ
764 ซ.วานิช 2 แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
ศุกร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
Tag:
ชา, ตลาดน้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น