แครมบรูเล ขนมหวานที่ทำให้ผมคิดถึงหนังฝรั่งเศสเรื่อง Amélie หนังรักที่ทำให้เราอมยิ้มได้ตลอดเรื่อง นางเอกชอบเอาหลังช้อนคันเล็กๆ กะเทาะน้ำตาลหน้าแครมบรูเล เสียงแผ่นน้ำตาลแตกก็ทำให้เรารู้สึกถึงความโรแมนติกได้เหมือนกัน เนื้อสัมผัสของแผ่นน้ำตาลกรอบๆ ที่เคลือบหน้าคัสตาร์ดเนื้อเนียนนุ่ม ช่างเป็นความแตกต่างที่เข้ากันได้ดีเหลือเกิน
แครมบรูเลโดยทั่วไปจะมีเนื้อสัมผัสที่ทำจากครีม แต่งรสและกลิ่นหอมด้วยวานิลลา แต่สูตรนี้ผสมผสานส่วนผสมและรสชาติไทยๆ เข้าไป โดยใช้กะทิแทนครีม ใช้น้ำตาลปี๊บแทนน้ำตาลทราย และเพิ่มสีสันเพิ่มกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของใบเตยหอมเข้าไปด้วย
แครมบรูเลใบเตย (Pandanus Crème Brûlée)
ส่วนนผสม
- กะทิ 130 มิลลิลิตร
- ใบเตย 2 + 2 ใบ
- ครีม 100 มิลลิลิตร
- ไข่แดง 2 ฟอง
- น้ำตาลปี๊บ 45 กรัม
- น้ำตาลทรายสำหรับเสิร์ฟ
วิธีทำ
- เปิดเตาอบที่ 100 องศาเซลเซียส เตรียมภาชนะอบแครมบรูเลไว้
- ล้างใบเตยให้สะอาด ปั่นใบเตย 2 ใบกับกะทิ กรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้
- ใช้ใบเตยที่เหลือขยำไข่แดง และน้ำตาลปี๊บให้ละลายดี ใส่น้ำกะทิใบเตยที่เตรียมไว้และครีมตามลงไป กรองอีกครั้งเพื่อลดฟองอากาศ
- นำส่วนผสมใส่ลงในภาชนะอบ นำเข้าเตาอบ 50 นาที - 1 ชั่วโมง พักแครมบรูเลให้เย็นลง และนำไปแช่เย็นไว้
- เมื่อจะรับประทานโรยหน้าด้วยน้ำตาลทรายบางๆ ใช้ปืนไฟละลายน้ำตาลให้เคลือบดีและมีสีน้ำตาลอ่อนๆ
Notes
- แครมบรูเลมีเนื้อสัมผัสคล้ายคาราเมลคัสตาร์ด แต่จะมีเนื้อที่เป็นครีมมากกว่าและไม่แข็งตัวเท่ากับคาราเมลคัสตาร์ด
- ภาชนะที่ใช้อบแครมบรูเลควรเป็นขนาดพอดีสำหรับหนึ่งคนรับประทาน มีหน้ากว้างแต่ไม่ลึกมากเพื่อที่จะได้มีพื้นที่ไว้โรยน้ำตาลกว้างหน่อย
- วิธีการอบแครมบรูเลมี 2 วิธี เราสามารถวางแครมบูเล่ในถาดรองน้ำแล้วอบ โดยใช้อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส วิธีนี้มีข้อดีคือใช้เวลาน้อยกว่าอีกวิธี การอบแครมบรูเลโดยไม่ต้องวางบนถาดรองน้ำใช้ความร้อนเพียง 90-100 องศาเซลเซียส แครมบรูเลจะสุกอย่างช้าๆ เนื้อสัมผัสที่ได้จะเนียนกว่า ไม่มีฟอง และผิวหน้าไม่แห้ง
- วิธีการเช็กว่าแครมบรูเลสุกหรือไม่ ให้นำขนมออกจากเตาอบ ใช้ผ้าจับขอบถ้วยเอียงเล็กน้อย ถ้าผิวหน้านูนขึ้นแปลว่ายังไม่สุกดี
- ก่อนโรยหน้าด้วยน้ำตาลแครมบรูเลต้องเย็นดีแล้ว ถ้ายังร้อนไอน้ำที่ออกมาจะทำให้หน้าน้ำตาลไม่กรอบ
Tag :
เบเกอรี่, แครมบรูเล, ใบเตย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น