จากเด็กเกเรที่มีเรื่องชกต่อยเป็นประจำจนครอบครัวส่งให้ไปอยู่ต่างประเทศ และเกิดความชอบในอาชีพเชฟเพราะดูเท่ดี ถึงขั้นไปคุ้ยถังขยะเพราะอยากเรียนรู้อาหารจานเด็ด เป็นเส้นทางการทำอาหารของเชฟหนุ่ม “นิค-ณัฏฐพล ภวไพบูลย์” ที่ไม่เหมือนใคร
เชฟนิคได้สั่งสมความรู้จากสถาบันชื่อดังในสหรัฐอเมริกาอย่าง The Culinary Institution America และ Conrad N. Hilton College ที่ University of Houston และยังได้รับเลือกเป็น Young Executive Chef in the Taste of NFL Super Bowl ด้วยประสบการณ์การทำงานในครัวมาแล้วทุกรูปแบบตั้งแต่ล้างจาน เป็นที่ปรึกษาร้านอาหาร รวมถึงเป็นเจ้าของร้าน วันนี้เขากลับมาบ้านเกิดเพื่อทำโปรเจกต์สุดพิเศษ
“วังหิ่งห้อย” ร้านอาหารล่าสุดของเชฟนิคที่มีคอนเซ็ปต์ “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ธาตุที่เป็นตัวแปรสําคัญในการใช้ชีวิตและสร้างความสมดุลบนโลกนี้ เชฟออกแบบเมนูโดยตีความตามจินตนาการไม่ได้อิงไปกับส่วนผสม ใช้รสชาติอาหารไทยเป็นหลักแต่ทวิสต์และพลิกมุมมองให้ทันสมัย สวยงามแปลกตา และซ่อนความน่าค้นหาไว้ เชฟบอกว่าอาหารไทยเป็นอาหารที่ซับซ้อน มีขั้นตอนการทำและปรุงยาก แต่คนสมัยนี้กลับลืมอาหารไทย และไปให้ค่านิยมกับอาหารต่างชาติกันหมด
เราได้ชิมเมนูในธาตุลม เมนูที่มีความผสมผสานเหมือนลมที่พัดไหว มีหลายจานที่ประทับใจ เช่น “Sailor” หนวดปลาหมึกยักษ์สไลซ์บางกับเยรูซาเลมอาร์ติโชกทอดกรอบ มีกลิ่นหอมสดชื่นและรสเปรี้ยวนิดๆ จากซอสยูซุ “Monsoon” หอยเชลล์ย่างเสิร์ฟพร้อมซุปหอยใส่ขมิ้น ซุปรสเข้มข้นเหมือนซุปบิสก์ และ “Vanilla Sky” เนื้อวากิวย่างสุกปานกลางหั่นชิ้นพอดีคำ วางบนขนมผักกาดนาบกระทะจนกลิ่นหอมและผิวกรอบ เสิร์ฟกับ “Beef Jus” ซอสสีส้มอ่อนเหมือนท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดินในชามทรงกลม ซอสนี้เคี่ยวจากกระดูกวัวนาน 16 ชั่วโมงจนได้ซอสข้นเหนียวรสชาติเข้มข้น
ปิดท้ายด้วยขนมหวาน “Sweet Fallen Angel” ลอดช่องน้ำกะทิแตงไทย ครอบด้วยโดมไวต์ช็อกโกแลต เมื่อราดน้ำกะทิอุ่นๆ โดมจะค่อยๆ ละลายเห็นลอดช่องที่ซ่อนอยู่ กินพร้อมมูสแตงไทยกลิ่นหอมเย็นๆ และเมอแรงก์เลมอนรสหวานเปรี้ยวนิดๆ
กินจนจบคอร์สแล้วเหมือนเชฟอยากเตือนให้เราไม่ลืมเลือนอาหารไทยและความเป็นไทย
Vanilla Sky - Seared Wagyu Beef with Daikon Cake and Beef Jus
ส่วนผสมซอสเนื้อ
- กระดูกสันหลังวัว 3,100 กรัม
- หอมหัวใหญ่ 250 กรัม
- แครอต 1,000 กรัม
- เซเลรี 200 กรัม
- มะเขือเทศท้อ 200 กรัม
- กระเทียม 20 กรัม
- ไทม์ 3 กรัม
- น้ำเปล่า 3,000 มิลลิลิตร
- เมล็ดพริกไทยดำ 50 กรัม
- เกลือป่น 20 กรัม
วิธีทำ
- อบกระดูกสันหลังวัวที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสจนมีสีน้ำตาลเข้ม
- ผัดหอมหัวใหญ่ แครอต เซเลรี มะเขือเทศ กระเทียม และไทม์จนสุก
- เติมน้ำเปล่า ใส่กระดูกวัว เมล็ดพริกไทยดำ และเกลือ
- ต้มไฟอ่อนนาน 16 ชั่วโมง กรองด้วยที่กรองหยาบ เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนจนซอสเหลือประมาณ 20 % ซอสจะเหนียวข้น
ขนมผักกาด
ส่วนผสม
- หัวไช้เท้าขูด 600 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 300 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
- น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร
- เกลือป่น 5 กรัม
วิธีทำ
- ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นำไปนึ่งจนสุก
- ตัดเป็นชิ้นพอดีคำ จี่บนกระทะใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อยจนมีสีน้ำตาลสวยและกรอบตามชอบ
วิธีจัดลงจาน
- ย่างเนื้อวากิวให้สุกปานกลาง หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ขนาดเท่าๆ กับขนมผักกาด
- ใส่ซอสเนื้อในภาชนะสำหรับเสิร์ฟ วางขนมผักกาดและเนื้อวากิว ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามที่กินได้
Notes
ขอขอบคุณ : ร้านวังหิ่งห้อย สนามกอล์ฟเก่า RCA ถนนเลียบทางรถไฟสายแปดริ้ว
โทร. 09-1979-6226
Tag :
Chef’s signature dish, เนื้อวากิว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น