ขณะที่เราเขียนต้นฉบับอยู่นี้ยังไม่รู้ว่าร้านของเชฟแกสตัน อคูริโอ (Gastón Acurio) ได้อันดับที่เท่าไรของโลก แต่ที่แน่ๆ เขาได้รับรางวัล Diners Club Lifetime Achievement Award 2018 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่บ่อยที่เราจะได้มีโอกาสชิมอาหารเปรูที่กรุงเทพฯ แต่นี่นับเป็นโอกาสดีมากๆ เพราะเชฟระดับมาสเตอร์อย่างแกสตันบินลัดฟ้าจากอีกซีกโลกหนึ่งมาทำอาหารให้ชาวไทยได้ชิม
เจ้าของร้าน Astrid y Gastón จากเมืองลิมาประเทศเปรูผู้นี้ถือว่าเป็นเชฟคนสำคัญที่ช่วยพัฒนาวงการอาหารของประเทศ เป็นผู้ที่นำอาหารท้องถิ่นของเปรูไปเผยแพร่ทั่วโลก จนตอนนี้อาหารเปรูถือเป็นอาหารที่น่าสนใจและน่าจับตามองมากที่สุด ด้วยรสชาติจัดจ้านจี๊ดจ๊าด เน้นรสเปรี้ยวและรสเผ็ด คล้ายกับอาหารไทย ใครได้ชิมก็ต่างติดใจกันทั้งนั้น
อาหารของเปรูมีประวัติยาวนานมากเหมือนกับประวัติศาสตร์ของประเทศ แต่ถ้าจะให้บอกว่าอะไรคือความดั้งเดิมของอาหารเปรู เชฟแกสตันหัวเราะเบาๆ และบอกด้วยความภูมิใจว่าเปรูมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมจึงรับเอาอาหารจากชาติต่างๆ เข้ามาผสมผสานทั้งยุโรป เอเชีย และแอฟริกา เรียกว่า “Multicultural Cuisine” อาหารเปรูเมื่อผสมกับอาหารจีนจะเรียกว่า “Chifa”
เมื่อผสมกับอาหารญี่ปุ่นเรียกว่า “Nikkei” หากลองกินข้าวผัดของเปรูจะมีรสชาติคล้ายกับข้าวผัดของจีน แต่หน้าตาเหมือนปาเอลญาผสมกับริซอตโตไม่มีผิด...เชฟบอก
เมื่อเชฟมาเยือนเมืองไทยจึงไม่พลาดที่จะนำอาหารเด็ดของเปรูอย่างเซบีเช (Cebiche) มาให้ชิมด้วย เซบีเชเป็นซีฟู้ดหมักในน้ำมะนาวมีรสเปรี้ยวและรสเผ็ดจากพริกพื้นเมืองที่เรียกว่าอะฮี (Aji) เซบีเชมีสูตรที่หลากหลายมาก ความแตกต่างของเซบีเชสูตรเปรูจะไม่ใส่มะเขือเทศเหมือนกับของเม็กซิโก และมีรสชาติอร่อยจาก “Leche de Tigre” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “Tiger’s Milk” ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับนมเสือเลย แต่เป็นส่วนผสมของน้ำมะนาว หอมหัวใหญ่ พริก เกลือ พริกไทย และน้ำที่ได้จากการหมักเนื้อปลาสดๆ นั่นเอง
เซบีเชของเชฟแกสตันรสชาติเปรี้ยวเผ็ดแบบกลมกล่อม ตัดรสด้วยมันเทศและข้าวโพดพันธุ์เปรูเมล็ดใหญ่เนื้อหนึบที่ช่วยเติมรสหวานอย่างเป็นธรรมชาติได้ดี เราชอบพริกอะฮีที่หั่นเป็นเส้นบางๆ กินแล้วเผ็ดสะใจ มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นรมควันผสมความสดชื่น ต่างจากพริกของบ้านเราที่เผ็ดแบบขมๆ จานนี้น่าจะถูกใจคนรักอาหารรสจัดอย่างแน่นอน
เชฟแกสตันทิ้งท้ายกับเราว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเขาเผยแพร่อาหารเปรูไปทั่วโลก ตอนนี้เปรูพัฒนาขึ้นมาก ทั้งโลกเชื่อมเข้าหากันง่ายขึ้น ดังนั้นถึงเวลาของเชฟรุ่นใหม่แล้วที่จะขับเคลื่อนวงการนี้ต่อไป
จบสวยสมกับรางวัลที่ได้รับจริงๆ
Cebiche Afrodisiaco
ส่วนผสม (สำหรับ 1-2 ที่)
- กุ้งลายเสือ 2 ตัว
- หอยเชลล์สดหั่นพอดีคำ 1 ตัว
- เนื้อขาปูคิงแครบ (King Crab) หั่นพอดีคำ 1 ขา
- ปลาเนื้อขาวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าใหญ่ 40 กรัม
- น้ำมะนาว 100 มิลลิลิตร
- กระเทียมบด 1 กลีบ
- ผักชีสับเล็กน้อย
- เซเลรีหั่นเส้น 5 กรัม
- หอยเม่น 20 กรัม
- ซอสพริกเปรู (Rocoto Pepper) 20 กรัม
- พริกอะฮีลิโม (Aji Limo) เล็กน้อย
- หอมหัวใหญ่สีแดงสับ 30 กรัม
- เกลือและพริกไทยสำหรับปรุงรสเล็กน้อย
- มันเทศหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าต้มสุก 20 กรัม ข้าวโพดเปรูต้มสุก (Choclo) 20 กรัม ผักชีเล็กน้อย พริกอะฮีลิโม 2 สไลซ์ สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
- ล้างกุ้งและเก็บมันกุ้งไว้ ลวกเนื้อกุ้งให้สุก แช่เย็นพักไว้พร้อมกับเนื้อหอยเชลล์และเนื้อปู
- ใส่เนื้อปู เนื้อปลา หอยเชลล์ และกุ้งในชามผสม ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ใส่กระเทียม ผักชี และเซเลรี
- ผสมมันกุ้งกับหอยเม่นครึ่งหนึ่ง บดหยาบๆ ใส่ซอสพริกเปรู คนให้เข้ากัน เทใส่ชามผสม ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด คนให้เข้ากัน พักไว้ 20 นาที
- ตักใส่ชาม ใส่หอยเม่นที่เหลือ ผักชี พริกอะฮีลิโม มันเทศ และข้าวโพด
Notes
ขอขอบคุณ : ห้องอาหารลอร์ดจิมส์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ โทร. 0-2659-9000 ต่อ 7390
Tag :
อาหารเปรู, เซบีเช
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น