ไปกระบี่เที่ยวนี้มีโกกี่คนเดิมแห่งโรงแรมเวียงทองมาควบคุมการทำกับข้าวสุดแสนอร่อยให้พวกเรากิน หนึ่งในเมนูคือผักบุ้งผัดกะปิ ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำซอสกะปิไว้ผัดกับผักอื่นๆ เช่น ผักบุ้งหรือถั่วงอก ข้อดีของซอสกะปิคือทำเก็บไว้ได้นาน ข้อที่ดีกว่าคือเวลาผัดแล้วรสอ่อนไปก็เติมทีหลังได้
ส่วนผสมซอสกะปิ (ทำไว้มากๆ ใช้ผัดได้ 2-3 ครั้ง)
- กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวน 4-5 เม็ด
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส (ตราอะไรก็ได้) 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ขมิ้นยาวประมาณ 1 เซนติเมตร (ไม่ใส่ก็ได้ถ้าไม่มีหรือไม่ชอบ)
- น้ำซุปหรือน้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำซอสกะปิ
- ตำกะปิ กระเทียม และพริกให้แหลก ถ้าใส่ขมิ้นก็เอาลงไปตำด้วย ผัดเครื่องตำกับน้ำมันจนกะปิสุก เปลี่ยนสี เติมน้ำ ผัดจนละลายเข้ากันดี
- ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำตาล และซอสปรุงรส
ส่วนผสมผัดผักบุ้ง
- ผักบุ้งน้ำ (ผักบุ้งไทย) สอยด้วยมีดให้สวยงาม ส่วนที่ก้านใหญ่ก็สอยตรงกลาง แช่น้ำเย็นใส่น้ำแข็ง
- ซอสกะปิที่เราเตรียมไว้ (กะปริมาณให้เหมาะสมกับผักบุ้ง)
- หมูสับหรือกุ้งสับ 1/2 ถ้วยพูนๆ
- หอมแดงซอย 3-4 หัว
- พริกเหลืองหรือพริกแดงหั่นเป็นเส้น
วิธีผัดผักบุ้ง
- สงผักบุ้งใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ ใส่กะละมัง
- ใส่น้ำมันลงไปในกระทะไม่ต้องมาก แบ่งซอสกะปิใส่ลงไปผัดให้ร้อน ใส่หมูสับหรือกุ้งสับที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้สุก มันจะแห้งๆ นะคะชิมรสดู ควรจะอร่อยโดยไม่ต้องปรุงเพราะซอสเราอร่อยอยู่แล้ว (ถ้าไม่อร่อยแปลว่าซอสเรามีปัญหา ต้องกลับไปปรุงซอสใหม่ กะปิที่ใช้ไม่เค็ม ถ้ากะปิเค็มมากให้เพิ่มเครื่องอื่นๆ หรือลดกะปิลง) พอผัดเสร็จตักวางบนกะละมังผักบุ้งพร้อมหอมแดงซอยและพริก
- ใส่น้ำมันลงในกระทะสะอาด ไฟแรงๆ รอจนร้อนจัด เทผักโดยให้ของเหลวก้นกะละมังไหลลงไปก่อนแล้วตามด้วยที่เหลือทั้งหมดในทันที (ด้วยเทคนิคการเทแบบนี้จะทำให้ผักกรอบและสีสวย) ผัดแค่พอผักสุกแรกก็ใช้ได้ เวลาผัดของอย่าแกว่งตะหลิวกลับผักรวดเร็วเกินไปจนผักเวียนหัว ให้เวลาผักรับความร้อนสักครู่นะคะ (ผักบุ้งเวลาโดนขมิ้นจะสีออกเหลืองนิดๆ ไม่สวย แต่อร่อยดีสำหรับคอขมิ้นอย่างเรา) ชิมรสดูอีกครั้ง ถ้าอ่อนแอก็ตักซอสกะปิลงไปคลุก
Tag :
ผักบุ้ง, อาหารไทย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น