หลายคนคงรู้จัก เชฟแก้ว-ปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร เชฟหญิงผู้มีความอ่อนหวาน มีดีกรีเป็นเชฟหญิงคนแรกที่คว้ารางวัลรายการแข่งขันทำอาหาร MasterChef Thailand Season 1 และผู้เข้าร่วมรายการแข่งขันทำอาหารอื่นๆ ที่เชฟแก้วได้เข้าร่วมแข่งขันแบบไม่ขาดหาย และล่าสุดเชฟได้เปิดร้านอาหารแห่งใหม่ในย่านสาทร ซอย 12 มีชื่อร้านว่า ALT Dry Age ซึ่งเป็นการฉีกบทบาทของเชฟสายหวานมาสู่วงการเนื้อดรายเอจได้อย่างน่าสนใจ
เหตุผลนั้นเธอบอกว่าเพราะชอบกินเนื้ออยู่แล้วซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ และกระแสดรายเอจกำลังมาจึงเปิดร้านนี้กับเชฟสัญและเพื่อนอีก 2 คน ในปัจจุบันเชฟหญิงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เธอเป็นเชฟหญิงชั้นแนวหน้า และในวาระวันสตรีสากลเชฟหญิงอย่างเธอมองความท้าทายในการทำงานครัวว่ามีมากน้อยแค่ไหน?
“แก้วมองว่าในสมัยก่อนการเป็นเชฟผู้หญิงอาจจะลำบากเล็กน้อย เพราะงานในครัวเป็นอะไรที่หนัก ต้องใช้กำลังมาก และต้องรับกับแรงกดดันให้ไหว แต่ในปัจจุบันเราเห็นเชฟหญิงในวงการมากมาย ความเป็นผู้หญิงทำให้ในครัวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพราะผู้หญิงเอาใจใส่ ประณีต และละเอียดอ่อนในการทำงาน ซึ่งเป็นอีกมุมมองที่เชฟผู้ชายบางคนอาจจะละเลยได้”
ไอดอลเชฟผู้หญิงของเชฟแก้วคือใคร? (เชฟตอบอย่างรวดเร็ว) “ชื่นชอบเชฟ Dominique Crenn มาก เจ้าของรางวัล Best Female Chef 2016 และเจ้าของร้านอาหารมิชลิน 3 ดาว เชฟโดมินิกมีบุคลิกเท่และแข็งแกร่ง สิ่งไหนที่ผู้ชายทำได้เธอก็ต้องทำให้ได้ ส่วนตัวยังชอบตัวละครการ์ตูนผู้หญิงเก่งตั้งแต่เด็ก เช่น มู่หลาน กับ เบล เพราะใช้ความพยายามเพื่อให้ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมา”
ความชื่นชอบนี้เองที่ทำให้เธอสร้างผลงานที่ชื่อว่าดรุณีมาลา (Little Flower) สื่อถึงความเป็นผู้หญิงที่ถูกสังคมตีกรอบ และถูกจัดวางไว้ว่าต้องสวย ต้องทำตัวเหมือนรูปปั้นสวยงาม มีผ้าปิดตาไว้ ซึ่งเปรียบเสมือนการมองโลกผ่านเลนส์ที่สังคมกำหนดไว้ รูปปั้นหน้าผู้หญิงนี้เนื้อในเป็นไส้มูสช็อกโกแลตแสดงถึงความหวานอมขมกลืน ไส้ตรงกลางเป็นแยมสตรอว์เบอร์รีเลมอนให้ความสดชื่นซ่อนเอาไว้อยู่ เปรียบได้ว่าจริงๆ แล้วผู้หญิงแต่ละคนมีความฝันหรือสิ่งที่ตัวเองอยากลงมือทำ แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าได้ทำหรือไม่ ต้องมีสังคมเป็นตัวกำหนดหรือกลายเป็นแค่รูปปั้นอย่างนั้นอยู่ตลอดไป
เชฟแก้วย้ำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่มีพลังว่า “เราต้องกล้าเปิดผ้าปิดตาเพื่อทำตามความฝัน และแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้สังคมได้เห็น”
Little Flower
ดรุณีมาลา
อุปกรณ์ : พิมพ์รูปหน้าผู้หญิง
ส่วนผสมสเปรย์ช็อกโกแลต
ไวต์ช็อกโกแลต 50 กรัม | โกโก้บัตเตอร์ (Cocoa Butter) 50 กรัม | ผงโกโก้สีเข้ม (Black Cocoa Powder) 0.5 กรัม | Gun Spray 1 กระบอก
วิธีทำ
- ตุ๋นไวต์ช็อกโกแลตกับโกโก้บัตเตอร์จนละลายเข้ากันดี ใส่ผงโกโก้ ปั่นผสมเข้าด้วยกัน เมื่อถึงอุณหภูมิประมาณ 50-52 องศาเซลเซียส ใส่ลงในกระบอกสเปรย์ เตรียมไว้
ส่วนผสมสตรอว์เบอร์รีกีลี (Strawberry Gelée)
สตรอว์เบอร์รีพูเร่ 500 กรัม | น้ำตาลทราย 50 กรัม | ผิวเลมอน 2 กรัม | แผ่นเจลาติน 6 กรัม (แช่น้ำเย็นจัด)
วิธีทำ
- เคี่ยวสตรอว์เบอร์รีพูเร่ น้ำตาลทราย และผิวเลมอนให้ละลายเข้ากันดี เคี่ยวให้ร้อนถึง 80 องศาเซลเซียส นำเจลาตินที่แช่ไว้ใส่ลงไป คนจนเจลาตินละลายหมด
- เทใส่ถุงบีบ บีบใส่พิมพ์ซิลิโคนครึ่งวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.7 เซนติเมตร นำเข้าช่องแช่แข็งให้แข็งตัว
ส่วนผสมเค้กฟินองเซีย (Financier)
อัลมอนด์ป่น 70 กรัม | น้ำตาลไอซิง 40 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 10 กรัม | ไข่ไก่ 70 กรัม | เนยใส (Clarified Butter) 40 กรัม | เกลือเล็กน้อย
วิธีทำ
- อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 150-170 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
- ผสมอัลมอนด์ป่น น้ำตาลไอซิง แป้งและเกลือเข้าด้วยกัน ใส่ไข่ไก่และเนยลงไป คนให้เข้ากัน
- เทลงในถาดที่รองกระดาษไขไว้ ปาดให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตร นำเข้าเตาอบ 10-20 นาที แล้วพักไว้ให้หายร้อน นำเข้าตู้เย็นไว้ก่อนใช้งาน
ส่วนผสม Hazelnut Chocolate Mousse (สำหรับ 2 ที่)
ไวต์ช็อกโกแลต 40 กรัม | โกโก้บัตเตอร์ (Cocoa Butter) 20 กรัม | ถั่วเฮเซลนัตบด (Hazelnut Paste) 25 กรัม | ผงโกโก้ 5 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 10 กรัม | น้ำตาลทราย 15 กรัม | นม 75 กรัม | วิปปิงครีม 100 กรัม | สตรอว์เบอร์รีกีลี 4 ชิ้น
วิธีทำ
- ตีวิปปิงครีมให้ข้นเหมือนโยเกิร์ต พักไว้ในตู้เย็น
- นำไวต์ช็อกโกแลต โกโก้บัตเตอร์ และถั่วเฮเซลนัตบดมาตุ๋นรวมกันจนละลาย พักไว้
- นำผงโกโก้ แป้ง และน้ำตาลทรายผสมรวมกัน ในหม้อใบเล็กต้มนมให้ได้อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส แล้วเทลงในชามแห้ง คนให้เข้ากัน เทกลับลงในหม้อ ใช้ตะกร้อมือตีต่อจนแป้งสุก ลักษณะจะข้นหนืด และเงา พักไว้จนเย็นตัว ผสมกับส่วนผสมไวต์ช็อกโกแลต
- ค่อยๆ ตะล่อมวิปครีมลงไป ตักใส่ถุงบีบ บีบลงในพิมพ์หน้าผู้หญิง ระหว่างบีบพยายามใช้สปาตูลาอันเล็กเกลี่ยให้มูสเข้าไปในทุกซอกทุกมุมของพิมพ์ ใส่สตรอว์เบอร์รีกีลีในส่วนหัวและส่วนลำตัวของมูส ปิดท้ายด้วยเค้กฟินองเซียที่ตัดให้พอดีกับฐานมูส นำเข้าแช่ช่องแข็งจนเซ็ตตัวแข็งดี นำออกจากช่องแข็ง แกะออกจากพิมพ์ นำมาสเปรย์ด้วยสเปรย์ช็อกโกแลตให้ทั่วชิ้น
- วางมูสรูปปั้นหน้าผู้หญิงไว้ตรงกลางจาน ด้านข้างโรยครัมเบิลและซอสมิกซ์เบอร์รี ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ให้สวยงาม
Tag :
Chef’s signature dish, วันสตรีสากล, เชฟแก้ว ปวีณ์นุช
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น