ในกรุงเทพฯ เมืองแห่งความคับคั่งมีร้านอาหารพร้อมกับบรรดาเชฟที่จะคอยสร้างความสนุกและตื่นเต้นให้กับเหล่านักชิมอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ เชฟไรลีย์ แซนเดอร์ส (Riley Sanders) ผู้ที่นำเสนออาหารกึ่งงานศิลปะได้อย่างเฉพาะตัวและโดดเด่น โดยการนำศิลปะแบบนามธรรม (Abstract) มาร่วมกับการทำอาหารเหมือนกับห้องจัดแสดงภาพวาดภายในร้าน Canvas ร้านไฟน์ไดนิงมิชลินสตาร์ 1 ดาวที่นำเสนอวัตถุดิบไทยแนวผสมผสาน วาดลวดลายลงบนจานอาหารราวกับวาดบนผืนผ้า “แคนวาส” จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน
เชฟไรลีย์ แซนเดอร์ส (Riley Sanders) เชฟหนุ่มผมทองจากเทกซัส สหรัฐอเมริกา อยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 7 ปี จนเอ่ยปากว่า “ผมตกหลุมรักเมืองไทย” เชฟชื่นชอบและสนใจการทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็ได้มีโอกาสเข้าทำงานในที่ต่างๆ เช่น บนเรือยอชต์ ไพรเวตเชฟส์เทเบิล แม้กระทั่งร้านอาหารญี่ปุ่น เพื่อตระเวนหาแนวทางของตัวเองและสะสมประสบการณ์จนกลายมาเป็นเชฟในจุดนี้
“ผมรักเมืองไทยและชื่นชอบวัตถุดิบที่นี่ซึ่งหาได้ง่าย เพราะส่วนตัวผมชอบไปเดินตลาดสดอยู่บ่อยๆ ได้รู้จักวัตถุดิบแปลกใหม่ ซึ่งบางอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน จึงอยากนำมาทำเมนูที่ทุกคนคาดไม่ถึงด้วยการนำไปผสมผสานกับเทคนิคอื่นๆ จนเกิดรสชาติที่ลงตัว ให้ลูกค้าของผมรู้สึกเซอร์ไพรส์ในทุกจานเมื่อได้ชิม”
อะไรคือจุดเด่นในการทำอาหารของเชฟ? “ผมพยายามคิดนอกกรอบ พยายามสร้างสรรค์เพื่อให้แขกคนสำคัญที่ก้าวเข้ามาในร้านรู้สึกเซอร์ไพรส์ ผมศึกษารสชาติของวัตถุดิบ ทดลองเมนูกับทีมกว่าหลายสิบครั้ง ซึ่งบางจานอาจทดลองมากถึง 100 ครั้งจนเป็นจานที่สมบูรณ์แบบ ผมสอดแทรกทั้งความรู้สึกและเรื่องราวให้กับแต่ละจาน ร้อยเรียงเข้ากับทุกเมนูใน 20 คอร์สให้มีความสนุก ตื่นเต้น และเป็นมากกว่าอาหารที่ทุกคนคาดไม่ถึง”
เมนูของเชฟแต่ละจานมีองค์ประกอบและสีสันอันโดดเด่นราวกับชิ้นงานศิลปะ บ่งบองถึงความเป็นลวดลายบนผืนผ้าใบ ฉบับนี้เชฟนำเสนอ Venn Bread แป้งขนมปังเนื้อนุ่มหนึบที่ดัดแปลงมาจากแป้งชูซ์คลาสสิก เพิ่มความหอมด้วยชีสนมวัวโฮมเมดจากเชียงราย (Tomme de Chiang Rai) ท็อปด้วยเมล็ดแตงโมดูเก๋แบบมีสไตล์ เสิร์ฟมาในถ้วยเซรามิกพร้อมเนยสมุนไพร 2 สีที่รสชาติต่างกันแต่ให้ความลงตัว เนยสีเขียวให้ความสดชื่นได้อย่างดี ส่วนอีกด้านเป็นเนยสีแดงที่ทำจากน้ำหมากเม่าผสมกับพริกเสฉวนได้ความเผ็ดอ่อนๆ จะจิ้มกินแยกกัน หรือจิ้มผสมรวมๆ กันก็อร่อยได้หลากหลายแบบ
ปิดท้ายเชฟได้อวยพรสุขสันต์วันเกิดก้าวเข้าสู่ปีที่ 24 ให้กับทางนิตยสารฯ ของเราอีกด้วย
Venn Bread
ส่วนผสม
- แป้งมันสำปะหลัง 300 กรัม
- ผงพริกชี้ฟ้าแดง 30 กรัม
- ผงพริกหยวก 35 กรัม
- ผงยีสต์อบ 50 กรัม
- นมสดรสจืด 260 กรัม
- เนยจืด 110 กรัม
- น้ำปลากวน (Caramelized Fish Sauce) 15 กรัม
- ชีส Tomme de Chiang Rai 100 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- ไข่สำหรับทาหน้าเล็กน้อย
- เมล็ดแตงโมอบสำหรับตกแต่งเล็กน้อย
วิธีทำ
- ทำชามแห้งโดยผสมแป้ง ผงพริกชี้ฟ้า ผงพริกหยวก และผงยีสต์อบให้เข้ากัน เตรียมไว้
- ใส่นม เนยจืด และน้ำปลากวนลงในหม้อใบเล็ก ตั้งไฟให้เนยพอละลาย จากนั้นใส่ส่วนผสมชามแห้ง คนให้เข้ากันจนเป็นแป้งโด ปิดไฟ
- คนส่วนผสมให้คลายร้อนเล็กน้อย ค่อยๆ ใส่ไข่ไก่ (ระวังอย่าให้ไข่สุก) คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน ใส่ชีสบดพอหยาบ คนต่อให้เข้ากัน
- พักแป้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วปั้นให้เป็นทรงเกอแนล (ทรงลูกรักบี้) ให้ได้ก้อนละ 30 กรัม วางบนแผ่นซิลิโคนสำหรับอบขนม ทาไข่บนหน้า ท็อปด้วยเมล็ดแตงโม นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 25 นาที พักไว้ในเตาอบโดยเปิดฝาเตาอบเล็กน้อย ประมาณ 5 นาที จัดเสิร์ฟคู่กับเนยสีเขียวและสีแดง
ส่วนผสมและวิธีทำเนยสีเขียว (Green Butter)
เนยพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง 70 กรัม | ผงบัตเตอร์มิลก์ 35 กรัม | ผงเมล็ดเทียนข้าวเปลือก 5 กรัม | ผงใบเตย 5 กรัม | พริกไทยดำ 5 กรัม | ผงมะนาว 3 กรัม | น้ำมันผักชีลาว 10 กรัม | น้ำมันสะระแหน่ 10 กรัม | สมุนไพรสับเล็กน้อย เช่น ผักชี ใบสะระแหน่ และออริกาโน | เกลือทะเลสำหรับปรุงรสเล็กน้อย
- ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนจนเป็นเนื้อเนียน ชิมและปรุงรสตามชอบ พักไว้ในตู้เย็น ตกแต่งด้วยดอกขิงเบิร์น เตรียมไว้
ส่วนผสมและวิธีทำเนยสีแดง (Mao Berry Butter)
เนยพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง 70 กรัม | ผงพริกเสฉวน 5 กรัม | น้ำหมากเม่า 30 กรัม | น้ำมันผักชีลาว 40 กรัม | น้ำมันใบสะระแหน่ 40 กรัม | ผงแก้วมังกร 40 กรัม | ผงบีตรูต 30 กรัม | กระเทียมบดเล็กน้อย | น้ำกระเทียมดำเล็กน้อย | เกลือทะเลสำหรับปรุงรสเล็กน้อย | ใบโบราจอินเดีย (Indian Borage) สำหรับตกแต่ง
- ผสมทั้งหมดแล้วบดให้เข้ากันในครกหิน ชิมและปรุงรสตามชอบ ตกแต่งด้วยใบโบราจอินเดียแล้วนำไปแช่ในตู้เย็น เตรียมไว้
Tag :
เบเกอรี, เมนูศิลปะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น