ในปี 2023 นี้ต้องยอมรับว่าเทรนด์อาหารของบ้านเรากำลังเป็นที่น่าจับตามอง The Food School โรงเรียนสอนทำอาหารนานาชาติในเครือดุสิตธานี ได้รวม 3 สถาบันระดับโลกที่มีชื่อเสียงเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ ALMA จากอิตาลี Tsuji จากญี่ปุ่น และวิทยาลัยดุสิตธานี พร้อมด้วยอาจารย์มากฝีมือที่จะพาคุณไปเปิดประสบการณ์การเข้าครัวกันอย่างจริงจัง
หนึ่งในอาจารย์สอนเพสตรีรุ่นใหม่ที่หลายคนอาจจะมองว่าอินดี้ แต่ไม่ใช่ท่าทางเท่านั้น เพราะในความคิดเขาเพสตรีไม่ใช่แค่ขนม แต่ต้องควบคู่ไปกับงานศิลปะที่ต้องสร้างสรรค์อย่างไม่หยุดนิ่ง เชฟพรต สถิตพิทยายุทธ์ เพสตรีเชฟผู้มีประสบการณ์บอกว่ากว่าจะค้นพบตนเองและฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ก็ต้องใช้เวลา และความเอาจริงเอาจังเพื่อพิสูจน์ว่าเราเลือกเส้นทางนี้แล้ว
เชฟเล่าว่าเติบโตและศึกษาที่นิวซีแลนด์ ตอนเด็กๆ ชอบดูรายการ TV Champion พอเรียนจบไฮสคูลก็ไม่อยากเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่ทางบ้านไม่สนับสนุน ต้องเรียนจบปริญญาตรีก่อน เมื่อเรียนจบเชฟก็เลือกเส้นทางที่ตนเองใฝ่ฝันอยากเป็นทันที
“พอผมเรียนจบตามคำขอของพ่อแม่แล้วก็ตัดสินใจบินไปประเทศฝรั่งเศส เรียนทำอาหารตามความฝันของตัวเองที่ École Nationale Supérieure de Pâtisserie หรือ ENSP สถาบันอาหารของเชฟอลัง ดูคาส (Alain Ducasse) 1 ปี แล้วทำงานต่อที่ร้านมิชลิน ซึ่งตอนนั้นผมเริ่มทำงานเมื่ออายุประมาณ 20 ปี รู้สึกเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นทำให้ต้องกดดันตัวเองทำงานให้มากขึ้น ไม่มีเวลาไปเจอเพื่อน ไม่ออกไปสังสรรค์ เพื่อกอบโกยความรู้และประสบการณ์ให้เท่าคนอื่น”
เชฟเล่าว่าต้องเริ่มจากตำแหน่งเล็กๆ ทำทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นเส้นทางที่เลือกแล้ว และยังต้องศึกษาหาความรู้ด้านต่างๆ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เพราะเพสตรีมีรายละเอียดต่างๆ มาก เชฟทำงานหาประสบการณ์ในต่างประเทศ 8 ปีจึงกลับมาเมืองไทยและเป็นอาจารย์สอนที่ The Food School
บทบาทใหม่ในการเป็นอาจารย์ดูจะตอบโจทย์เรื่องการสร้างสรรค์และได้ความเป็นอิสระมากขึ้น เพราะนอกจากจะทำงานกับเพื่อนๆ ที่ต้องทำงานเป็นทีมเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกันแล้ว ยังต้องคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น การออกแบบพิมพ์ขนมเพื่อให้ได้แบบที่ต้องการ และดูแปลกใหม่ไม่ซ้ำกับของเดิมๆ จึงต้องคิดและทดลองอย่างไม่หยุดนิ่ง
จะเหมือนกับขนมที่เชฟทำในเดือนแห่งความรักนี้ไหม? เชฟบอกว่า “ส่วนตัวผมไม่ค่อยอินกับวาเลนไทน์เท่าไร (หัวเราะดังพร้อมยิ้ม) แต่ผมก็นำไอเดียจากสตรอว์เบอร์รีชอร์ตเค้กมาทำให้ดูไม่น่าเบื่อ โดยเน้นใช้วัตถุดิบของเมืองไทย เช่น สตรอว์เบอร์รีจากจังหวัดเชียงใหม่ น้ำผึ้งป่าจากเชียงราย ซึ่งผมก็นำมารังสรรค์และจัดจานง่ายๆ แบบมินิมอลสไตล์ผม โดยวางครัมเบิลเกสรน้ำผึ้งไว้ด้านล่าง ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีหมักในน้ำผึ้ง และใบไม้กินได้ ปิดท้ายด้วยซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รีที่ใส่เหล้าเล็กน้อยเพื่อเพิ่มมิติของรสชาติและให้รักครั้งนี้เข้มขึ้น”
ธรรมดาที่ดูไม่ธรรมดา ผ่านการคิดค้นผสมผสานจนเป็นขนมจานสวยในวันวาเลนไทน์ ที่มีรสเปรี้ยว หวาน และขม เหมือนรสชาติแห่งความรัก
Strawberry Angostura ส่วนผสมครัมเบิลเกสรผึ้ง
- เกสรน้ำผึ้งบดละเอียด (Pollen Flour) 16 กรัม
- ผงอัลมอนด์ 85 กรัม
- เนยจืด (หั่นเต๋า) 100 กรัม
- น้ำตาลทรายแดง 65 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
- เกสรผึ้ง (Bee Pollen) 7 กรัม
วิธีทำ
- ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันในโถตี ใช้หัวตีใบไม้ตีด้วยความเร็วปานกลางจนส่วนผสมพอเข้ากันดี
- นำออกมาห่อพลาสติกแร็ป แช่ในช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาที
- นำแป้งออกมารีดให้บางประมาณ 2 มิลลิเมตร นำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียสจนเหลือง แล้วพักให้เย็น
- หักเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่เครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด
ส่วนผสมเลมอนมาสคาร์โปเน
- วิปปิงครีมไขมัน 35% 250 กรัม
- ไข่แดง 50 กรัม
- น้ำตาลทราย 60 กรัม
- เจลาตินผง 4 กรัม
- ฝักวานิลลา 1/2 ฝัก
- มาสคาร์โปเน 150 กรัม
- เลมอนเพส (Lemon Paste) ใส่ตามชอบ
วิธีทำ
- อุ่นวิปปิงครีมและวานิลลาให้เดือด จากนั้นตีไข่แดงและน้ำตาล เตรียมไว้
- ค่อยๆ เทครีมที่อุ่นไว้ลงในถ้วยผสมทีละนิด (ต้องคนตลอดเวลา) แล้วเทกลับลงใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อน คนให้ส่วนผสมได้อุณหภูมิ 82 องศาเซลเซียส ให้ส่วนผสมข้นขึ้น
- ใส่เจลาติน คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียน แล้วกรองใส่ถ้วย พักไว้ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว
- ตักคัสตาร์ด 225 กรัม ลงในโถผสม ตีจนเนื้อเนียน ใส่มาสคาร์โปเน ตีต่อให้ส่วนผสมเข้ากัน ใส่เลมอนเพส ปรุงรสตามชอบ
ส่วนผสมซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รี
- สตรอว์เบอร์รีเชียงใหม่ 500 กรัม
- น้ำตาลฟรักโทส 50 กรัม
- เหล้ารัม (Angostura Bitter) 30 กรัม
- กรดซิตริก (Citric Acid) 5 กรัม
วิธีทำ
- ล้างสตรอว์เบอร์รีให้สะอาด ตัดขั้วออก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด
- กรองใส่หม้อใบเล็ก ใส่ส่วนผสมที่เหลือ จากนั้นต้มให้เดือด ปิดไฟ
- พักให้เย็นในอ่างน้ำแข็ง แล้วนำเข้าช่องแช่แข็ง 1 คืน ก่อนนำมาตักเสิร์ฟ
ส่วนผสมสตรอว์เบอร์รีแช่ในน้ำผึ้ง
- สตรอว์เบอร์รีเชียงใหม่ 500 กรัม
- น้ำผึ้งป่า
- ใบสะระแหน่
- ผิวเลมอน ปริมาณตามชอบ
- สตรอว์เบอร์รีทู-วีน (Strawberry Tuile) สำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
- ล้างสตรอว์เบอร์รีให้สะอาด ตัดขั้วออก ซับน้ำให้แห้ง เรียงใส่ขวดโหลสำหรับแช่
- ใส่ผิวเลมอน และใบสะระแหน่ เทน้ำผึ้งให้ท่วมสตรอว์เบอร์รี คลุมปากโหลด้วยผ้าขาวบาง ปิดฝา วางไว้ในที่มืด 1 สัปดาห์ก่อนนำออกมาใช้
- วิธีการจัดจาน วางครัมเบิลไว้ด้านล่าง ตกแต่งด้วยเลมอนมาสคาร์โปเน สตรอว์เบอร์รีแช่ในน้ำผึ้งหั่น ทู-วีนสตรอว์เบอร์รี ซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รี และใบไม้ให้สวยงาม
Notes
Notes
- Pollen Flour คือเกสรน้ำผึ้งบดละเอียด หาซื้อได้ที่ร้านเบเกอรี่ หรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป
- ผงเจลาตินต้องแช่ในน้ำเย็น (Bloom Gelatin) ก่อนที่จะนำมาใช้
ขอขอบคุณ
- โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร The Food School
- โทร. 0-2150-8787
- Line Official : @thefoodschool
- Facebook : The Food School Bangkok
Tag :
Chef’s signature dish, The Food School Bangkok, วาเลนไทน์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น