Paleo เป็นแนวทางการกินที่ย้อนไปกินแบบมนุษย์ถ้ำหรือในยุคดึกดำบรรพ์ ปัจจุบันเป็นรูปแบบหนึ่งของโปรแกรมการกินเพื่อช่วยลดน้ำหนักที่เรียกว่า Paleo Diet ซึ่งได้รับความนิยมในต่างประเทศ
แนวทางการกินอย่างมนุษย์ถ้ำนี้เรียกว่าต้องย้อนกลับไปเมื่อมนุษย์รู้จักการเพาะปลูกอย่างธรรมชาติ ไม่มีสารปรุงแต่งใดๆ หรือแปรรูปอาหารใดๆ กินธัญพืชที่ไม่ขัดสี น้ำตาลที่มีรสหวานตามธรรมชาติ จนหลายคนอาจจะย้อนไปถึงการกินอย่าง Raw Food คืออาหารที่ไม่ใช้ความร้อน และบางคนตั้งคำถามว่าการสืบหาหลักฐานไปถึงมนุษย์ยุคหินหรือมนุษย์ถ้ำของแต่ละทวีปจะเหมือนกันไหม? เพราะแต่ละพื้นที่มีพืชพรรณธัญญาหารที่ต่างกัน และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของแต่ละที่ที่ค้นพบก็อาจจะไปไม่ถึงยุคดึกดำบรรพ์
ในแถบบ้านเรามีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ย้อนไปในอดีตเมื่อ 3,000 กว่าปีว่า คนในภูมิภาคนี้กินข้าว ปลา และเกลือเป็นหลัก การปลูกข้าวก็ปลูกกันอย่างธรรมชาติ การย้อนกลับไปอย่างไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็อาจจะไม่แน่ชัดว่าพืชพรรณธัญญาหารที่กินในยุคโน้นมีอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตามจึงอยากขอย้อนกลับไปสู่ยุคที่มีการบันทึกไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร หรือที่นิยมเรียกกันว่าอาหารของบรรพบุรุษหรือปู่ย่าตาทวด โดยยึดหลักการว่าอาหารนั้นส่วนผสมไม่มีการปรุงแต่ง แปรรูป กินพืช ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล กินเนื้อสัตว์ที่ไม่แปรรูป อย่างเช่น ยำเนื้อย่างกับมังคุด ซึ่งเป็นเมนูที่พบในหนังสืออาหารโปรดของหม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม ดิศกุล หนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ 2 พฤศจิกายน 2521
เมนูนี้ส่วนผสมเกือบทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีการแปรรูป และด้วยภูมิปัญญาของคนโบราณได้หยิบจับมาผสมปรุงจนเป็นอาหารรสเลิศ มังคุดเป็นผลไม้ตามฤดูกาลในหน้าร้อน แม้ว่าจะมีบันทึกว่ามีแหล่งกำเนิดอยู่ที่หมู่เกาะมลายู แต่เมื่อนำมาปลูกในบ้านเราก็ได้ผลผลิตดีเยี่ยมจนกลายเป็นผลไม้ส่งออกที่สำคัญ และได้รับขนานนามว่าราชินีแห่งผลไม้ และในทางการแพทย์จีนจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นที่ควรกินคู่กับผลไม้ในฤดูเดียวกันอย่างทุเรียนซึ่งมีฤทธิ์ร้อน
มังคุดยังจัดว่าเป็นผลไม้สุขภาพ เริ่มจากเปลือกมังคุดที่มีสารแซนโทนมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ จึงนำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงความงามต่างๆ เนื้อมังคุดเป็นกลีบเนื้อขาวฉ่ำ รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม มีสารกลุ่มแคทีชินและฟลาโวนอยด์ช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย มีสารอาหารสำคัญและวิตามินมากมาย จนปัจจุบันได้นำมาแปรรูปเป็นน้ำมังคุด จัดเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และเมื่อกินเป็นผลไม้สดจะช่วยสร้างภูมิต้านทาน ช่วยชะลอวัย บำรุงผิวพรรณอีกด้วย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเนื้อนุ่มฉ่ำ กลิ่นหอม รสหวานอมเปรี้ยวของมังคุดนี้นำมาทำอาหารอร่อยได้หลากหลายทั้งยำ แกง โดยเฉพาะเมนูยำเนื้อย่างกับมังคุดนี้ เนื้อนุ่มขาวฉ่ำๆ รสหวานอมเปรี้ยวของมังคุดเมื่อเคี้ยวรวมกับเนื้อสันใน น้ำจากเนื้อมังคุดช่วยให้เนื้อนุ่มอร่อยอย่างมีรสขึ้นมาทันที ทั้งวิตามินซีในเนื้อมังคุดยังช่วยย่อยเนื้อ รสหวานมันจากกะทิยังช่วยให้เนื้อนุ่มขึ้นอีก ทั้งมีรสเปรี้ยวโดดเด่นนิดๆ กลิ่นหอมจากน้ำมะนาว เพิ่มรสหวานธรรมชาติด้วยน้ำตาลมะพร้าว แทรกรสเผ็ดด้วยพริกขี้หนู โดยมีเกลือช่วยผสานรสให้กลมกล่อม กลิ่นซ่าๆ ของตะไคร้และรสเผ็ดนิดๆ ช่วยไม่ให้เลี่ยน ทั้งตะไคร้ ใบมะกรูด สะระแหน่ สมุนไพรกลิ่นหอมช่วยเพิ่มความอะโรมาได้อย่างสดชื่น และยังช่วยให้ท้องโล่งโปร่งสบายอีกด้วย
เมื่อส่วนผสมที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มารวมกันอยู่ในจานนี้ จึงกลายเป็นอาหารธรรมชาติสุขภาพดีที่มั่นใจได้โดยอาจจะไม่ต้องไปไกลถึงยุคดึกดำบรรพ์
ยำเนื้อย่างกับมังคุด
ส่วนผสม
- เนื้อสันในย่างสุกปานกลางหั่นบาง 300 กรัม
- มังคุดแกะเนื้อ 6-8 ผล
- หัวกะทิตั้งไฟพอเดือด 1/4 ถ้วย
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ซอยบาง 1/4 ถ้วย
- ใบมะกรูดซอย 2 ช้อนโต๊ะ
- ใบสะระแหน่ตามชอบ
ส่วนผสมเครื่องปรุงรส
- น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- กระเทียมซอยบาง 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสด 7-10 เม็ด
- ก้านใบสะระแหน่ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ตำกระเทียม พริกขี้หนู และก้านใบสะระแหน่รวมกัน ใส่น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ตำให้เข้ากันจนละเอียด พักไว้
- ผสมน้ำมะนาว น้ำปลาลงในหัวกะทิ ใส่เครื่องที่ตำไว้ คนให้เข้ากัน ชิมรส เพิ่มรสเปรี้ยวเผ็ดตามชอบ ตักน้ำยำราดบนเนื้อย่าง คลุกเบาๆ ใส่เนื้อมังคุด ตะไคร้ ใบมะกรูด และใบสะระแหน่ คลุกให้เข้ากัน รับประทานทันที
Notes
- อาจจะใส่น้ำตาลทรายเพิ่ม 1/2 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้มีรสหวานจัดขึ้นอีกนิด
- ตำรับเดิมมีส่วนผสมของกะปิ 1 ช้อนชา ถ้าไม่ชอบไม่ใส่ก็ได้
Tag :
You Are How You Eat, เมนูยำ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น