“ซื้อแก้วตาโบ๋ 10 บาทค่ะ” คนขายคีบแก้วตาโบ๋ 4 ชิ้นใส่ถุงให้ป้าเจี๊ยบ พร้อมพูดว่า “ไม่ได้ยินใครเรียกอย่างนี้มานานแล้วครับ” ป้าเจี๊ยบคนรุ่นเก่าเลยต้องถามว่า “แล้วคนอื่นเขาเรียกว่าอะไร” คำตอบคือ “ซาลาเปาทอด” อ้าว! เป็นงั้นไป?!?
แก้วตาโบ๋มักขายคู่กับปาท่องโก๋ แต่รูปร่างจะกลมแบนและเนื้อแป้งมีรสหวานนิดๆ ในตัวเอง ป้าเจี๊ยบชอบกินมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เพราะปาท่องโก๋มีรสจืด เวลากินต้องจิ้มนม ป้าเจี๊ยบเป็นพวกไม่ชอบกินอะไรแล้วต้องมีน้ำจิ้ม เลยชอบกินแก้วตาโบ๋มากกว่า
พจนานุกรมราชบัณฑิตฯ นิยามแก้วตาโบ๋ไว้ว่า “น. ของกินชนิดหนึ่งของจีน ทำด้วยแป้งสาลี ปั้นเป็นรูปกลมแบน ทอดในน้ำมัน” แต่มีคนบอกว่าแก้วตาโบ๋ต้องมีรูตรงกลางด้วย จึงได้ชื่อว่าแก้วตาโบ๋ แต่ป้าเจี๊ยบก็ไม่เคยเห็นร้านไหนขายแก้วตาโบ๋ที่มีรูตรงกลางสักที เจอแต่รูปกลมแบนเฉยๆ
ป้าเจี๊ยบไม่ได้กินแก้วตาโบ๋มานานมาก พอกลับถึงบ้านหยิบกินเพลินๆ ไปคนเดียวจนหมดทั้ง 4 ชิ้น!!! ป้าอี๊ดคนจ่ายตังค์เลยอดกิน หุหุ!
ถัดมาไม่กี่วันป้าเจี๊ยบก็นึกอยากกินขึ้นมาอีกแต่ไม่อยากซื้อ เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ด้วยความไม่รู้ว่าคนขายใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง และน้ำมันที่ใช้ทอดก็สีไม่โดนใจสักเท่าไร เลยต้องลงมือทำกินเองสิคะ
ป้าเจี๊ยบเคยทำเบนเญ (Beignet) แป้งทอดของนิวออร์ลีนส์ซึ่งมีรูปร่างสี่เหลี่ยม เลยปรับสูตรมาทำแก้วตาโบ๋ซะเลย
ทำแป้งโดกันค่ะ ผสมน้ำร้อน 1/4 ถ้วยตวงกับนมสดจากตู้เย็น 1/4 ถ้วยตวง แล้วใส่น้ำตาลทรายละเอียด 1 ช้อนชาลงไป คนให้น้ำตาลละลาย โรยยีสต์สำเร็จรูป 1 ช้อนชาตามไป คนนิดหน่อย วางพักไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้แน่ใจว่ายีสต์ขึ้นเป็นฟอง ถ้าขืนไม่ขึ้นป้าเจี๊ยบก็ต้องทำใหม่ แต่ตามปกติ ไม่เคยมีปัญหาค่ะ เพราะป้าเจี๊ยบใช้เทคนิคน้ำร้อนครึ่งน้ำเย็นครึ่ง ได้อุณหภูมิพอเหมาะสำหรับยีสต์ทุกครั้ง
จากนั้นตวงแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/4 ถ้วยตวง ยีสต์สำเร็จรูป 1 ช้อนชา และเกลือป่น 1/2 ช้อนชาใส่ลงในชาม ใช้ตะกร้อมือกวนให้ส่วนผสมทั้งหมดผสานเข้ากันดี เตรียมแป้งสาลีอเนกประสงค์สำหรับเป็นแป้งนวล 2 ช้อนโต๊ะ
ป้าเจี๊ยบทำบ่อตรงกลางชามแป้ง เทถ้วยยีสต์ลงตรงกลางบ่อ ตามด้วยน้ำมันคาโนลา 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ส้อมค่อยๆ เขี่ยแป้งรอบๆ วงให้เข้ามาผสมกับของเหลวทีละนิดจนทั้งหมดเข้ามารวมเป็นเนื้อเดียวกัน
เอาแป้งโดวางลงบนเคาน์เตอร์ที่โรยแป้งนวลไว้บางๆ นวดแป้งโดประมาณ 5 นาที ใช้แป้งนวลกันติดมือติดพื้นเคาน์เตอร์เท่าที่จำเป็น เมื่อเนื้อเนียนนุ่มแล้ววางแป้งโดลงในชามแก้ว ปิดด้วยแผ่นพลาสติกถนอมอาหาร
ป้าเจี๊ยบใช้วิธียกชามแป้งโดเข้าไปวางทิ้งไว้ในเตาติ๊งติ๊งที่ป้าเจี๊ยบเตรียมทำให้ภายในอุ่นกว่าอากาศปกติด้วยการเปิดความร้อนที่ 150 องศาเซลเซียสไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณ 5 นาที แล้วจึงนำชามแป้งโดไปวางไว้ในเตาที่ไม่ได้เปิดไฟ พักไว้ประมาณ 30-40 นาที แป้งโดก็ขึ้นฟูเป็น 2 เท่าแล้วค่ะ
นำแป้งโดออกมานวดไล่ลม แล้วแบ่งแป้งเป็น 12 ส่วนเท่าๆ กัน ปั้นเป็นก้อนกลมๆ เอาผ้าคลุม แล้ววางพักไว้บนเคาน์เตอร์ เตรียมหม้อทอดได้เลย
ป้าเจี๊ยบใช้หม้อใบเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์แค่ 5 นิ้วสำหรับทอดจะได้ไม่ต้องใส่น้ำมันมาก เอาแค่ระดับสูงจากก้นหม้อประมาณ 2 นิ้วก็พอ ตั้งไฟจนน้ำมันร้อนประมาณ 165-170 องศาเซลเซียสก็พร้อมทอดแป้งโด
ป้าเจี๊ยบหยิบแป้งโดทีละก้อนออกมาแผ่เป็นแผ่นกลมๆ แบน หนาประมาณ 1/2 เซนติเมตร หย่อนลงในหม้อทอด ใช้ช้อนตักน้ำมันร้อนๆ ราดด้านบนแผ่นแป้ง ซึ่งช่วยให้แผ่นแป้งโป่งพองออกมา เมื่อพองเต็มที่แล้วจึงพลิกกลับให้สุกเป็นสีทองสวยเสมอกันทั้ง 2 ด้าน ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
ระหว่างทอด เจ้าชิ้นที่ 2 ทำตัวน่ารักมากเลยค่ะ เพราะพองแล้วพลิกกลับด้านเองได้ อิอิ! แก้วตาโบ๋ของป้าเจี๊ยบตากลวงโบ๋จริงๆ และไม่อมน้ำมันเลยนะคะ
ป้าเจี๊ยบทอดแค่ 4 ชิ้นค่ะ จะกินเอง 2 ชิ้น อีก 2 ชิ้นสำหรับป้าอี๊ดซึ่งอดกินตอนที่ซื้อมา แก้วตาโบ๋ของป้าเจี๊ยบกรอบนอก นุ่มใน อร่อยโดยไม่ต้องจิ้มอะไรเลย แต่ของป้าอี๊ดมีไอซิงโรยให้นิดหน่อย เรามีน้ำขิงร้อนๆ จิบไปด้วย
แป้งโดที่ยังไม่ได้ใช้เก็บวางเรียงในกล่องปิดฝาสนิทใส่ตู้เย็นไว้ค่ะ อยากกินเมื่อไรก็เอาออกมาทอด แต่ไม่ทันข้ามวันก็หมดซะแล้ว เพราะป้าแจงมาจากกลางดงพอดี กินแก้วตาโบ๋ทอดใหม่ๆ กันอีกรอบ…
ป้าแจงกินแบบจิ้มน้ำผึ้งจากฟาร์มผึ้งของตัวเอง ฟินไปเลย
Tag :
Simply Sweet, ของทอด, เมนูกินเล่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น