เมื่อปลายปีที่ผ่านมากรุงเทพฯ บ้านเรานี้ฮอตมาก เพราะเหล่าเชฟผู้มีชื่อเสียงจากทางยุโรปพากันมาเยือนเมืองไทยเป็นสิบๆ คน โดยเฉพาะในงาน “So Amazing Chef 2015” ที่รวมเชฟระดับดาวมิชลินและระดับน้องๆ ดาวมิชลินมาโชว์ฝีมือปรุงอาหารและแข่งขันทำอาหารเพื่อการกุศลกัน
เชฟที่เราได้แลกเปลี่ยนทำความรู้จักกันในวันนี้เป็นเชฟดาวรุ่งอายุยังน้อยจากเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งผู้เขียนเพิ่งได้ไปเที่ยวเมืองนี้มาแต่ไม่ค่อยได้พบอาหารท้องถิ่นที่โดดเด่นเท่าไร จึงสงสัยว่าทำไมร้านอาหารของเชฟผู้นี้จึงได้รางวัลดาวมิชลินมาครอบครองถึง 2 ดวง
เมนโน โพสต์ (Menno Post) หัวหน้าเชฟจากห้องอาหาร The Bokkedoorns ตั้งอยู่เมืองริมทะเลที่มีชื่อว่า “Overveen” ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เมืองหลวงอัมสเตอร์ดัม เชฟเล่าว่าตั้งแต่เด็กที่เขาดูแม่ทำอาหารในครัวเขาก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว คิดเลยว่าอยากเป็นเชฟ จึงไปเรียนที่โรงเรียนสอนทำอาหารและได้พื้นฐานการทำอาหารฝรั่งเศสมา และเริ่มต้นทำงานในครัวตั้งแต่บัดนั้น
“What you see is what you get.” คือคอนเซ็ปต์ของอาหารที่เชฟเสิร์ฟที่ร้านซึ่งเป็นสไตล์ฝรั่งเศสโมเดิร์น เชฟเมนโนเคารพในอาหารโดยจะไม่ปรับเปลี่ยนหน้าตาให้แปลกไป เช่น ถ้าในเมนูเขียนว่าแตงกวา ในจานเราก็จะเจอแตงกวาอย่างแน่นอน เป็นการเสิร์ฟอาหารอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา เน้นรสชาติที่อร่อยของธรรมชาติ ซึ่งเป็นเทรนด์อาหารในปัจจุบัน
ร้านของเชฟอยู่ริมทะเลจึงใช้ซีฟู้ดเป็นหลักและยังชอบใช้พืชผักมาทำอาหารอีกด้วย เชฟบอกว่าคนสมัยนี้ลดการกินเนื้อสัตว์ลง รวมทั้งสัตว์น้ำก็เริ่มจะหมดไปจากทะเล เชฟจึงหันมาใช้ผักที่มีอยู่อย่างมากมายมาทำอาหาร การมาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรกนี้เชฟตื่นเต้นที่ได้เห็นพืชผักเมืองร้อนของบ้านเรา เมนูพิเศษในครั้งนี้เชฟจึงใส่วัตถุดิบของไทยเข้าไปด้วย จานพิเศษของเชฟใช้ “ปูบราวน์” ตัวใหญ่กระดองสีน้ำตาลเข้ม ต้มให้สุกแล้วแกะแต่เนื้อ ผสมกับมายองเนสให้รสครีมมี่ ในสูตรเดิมใส่กะหล่ำปลี แต่กะหล่ำปลีบ้านเราหัวเล็กมาก จึงใส่มะละกอดิบแทนซึ่งกลับอร่อยถูกใจเชฟ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยรสชาติเข้ากับหอยหลอดที่ปรุงไม่มาก และผักดองที่กินคู่กันได้รสอร่อยแบบเรียบง่าย
กล้าสร้างสรรค์ เข้าใจและเคารพในรสชาติของอาหาร นิยามความอร่อยของเชฟรุ่นใหม่คนนี้
North Sea Crab with Radish and Cucumber
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)
- ขาปูบราวน์ (Brown Crab) 12 ชิ้น
- หอยหลอดฝรั่ง (Razor Clam) ลวกหั่นชิ้น 2 ตัว
- มะละกอดิบ 500 กรัม
- แอปเปิลเขียว 200 กรัม
- มายองเนส 1 ช้อนโต๊ะ
- มัสตาร์ด 20 กรัม
- ไข่แดง 2 ฟอง
- น้ำมันมะกอก 100 มิลลิลิตร
- ผิวมะนาวขูด 1 ผล
- น้ำส้มสายชู 50 มิลลิลิตร
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
- ต้มน้ำในหม้อใส่เกลือ เมื่อเดือดใส่ขาปู ต้มนาน 5 นาที ตักขึ้น พักไว้ให้เย็นและแกะเฉพาะเนื้อ
- หั่นมะละกอดิบเป็นชิ้นเล็ก ลวกในน้ำเดือดสักครู่ ตักขึ้นใส่น้ำเย็นทันที
- ปอกเปลือกแอปเปิลเขียวแล้วหั่นชิ้นเล็กเท่ามะละกอ
- ผสมเนื้อปูกับมะละกอและแอปเปิล พักไว้
- ผสมมายองเนส มัสตาร์ด น้ำส้มสายชู และไข่แดงในอ่างผสม ค่อยๆ ใส่น้ำมันมะกอกทีละนิด ตีด้วยตะกร้อมือจนข้น ใส่ผิวมะนาวขูด ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ใส่เนื้อปู มะละกอ และแอปเปิล คนให้เข้ากัน
- ตักปูใส่จาน วางหอยหลอดลวกและผักดอง
ส่วนผสมและวิธีทำผักดอง
- สไลซ์แตงกวาและแรดิชให้เป็นแผ่นบาง
- ต้มน้ำ 5 ถ้วยกับน้ำส้มสายชู 500 มิลลิลิตร น้ำตาลทราย 500 กรัม ขิงหั่นแว่น เลมอนหั่นแว่น และตะไคร้ ชิมรสให้เปรี้ยวหวาน แช่แตงกวาและแรดิชไว้จนได้รสที่ต้องการ
Notes
ขอขอบคุณ
ห้องอาหาร Park Society โรงแรม Sofitel So Bangkok ถนนสาทร กรุงเทพฯ โทร. 0-2624-0000
Tag :
Chef’s signature dish, ปู
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น