กระแสของ มินิเอแคลร์ กลับมาบูมอีกครั้งเราจะพลาดได้ยังไง สูตรนี้จะทำกินเล่นหรือทำเป็นของขวัญช่วงเทศกาลก็ดีไม่แพ้กันเลย ส่วนผสมแป้งเอแคลร์ น้ำเปล่า 1 ถ้วย เนยสดเค็ม 1 ถ้วย (120 กรัม) น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/3 ถ้วย ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 4 ฟอง ส่วนผสมครีม นมสด 2 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ไข่แดงเบอร์หนึ่ง 5 ฟอง แป้งข้าวโพด 1/3 ถ้วย เนยสดเค็ม 2 ช้อนโต๊ะ กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา วิธีทำ ทำครีมโดยอุ่นนมสดกับน้ำตาลทรายครึ่งหนึ่ง และเกลือให้พอร้อน พักไว้ คนไข่แดงกับน้ำตาลทรายที่เหลือเข้าด้วยกันจนเป็นสีเหลืองนวล ใส่แป้งข้าวโพด คนให้เข้ากัน ใส่นมที่ต้มไว้ครึ่งหนึ่ง คนให้เข้ากันแล้วเทกลับลงในนมที่เหลือ ใส่กลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน ตั้งไฟกวนจนส่วนผสมสุกข้น ใส่เนย คนให้เข้ากัน ปิดด้วยพลาสติกใส พักไว้จนเย็น ทำแป้งเอแคลร์โดยต้มน้ำ เนยสด น้ำตาลทราย และเกลือให้เดือด ใส่แป้ง คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลง คนแป้งให้คลายความร้อน ใส่ไข่ทีละฟอง คนให้เข้ากันจนครบไข่ไก่ 4 ฟอง ใส่ถุงบีบแล้วบีบใส่ถาดอบให้แป้งมีขนาด 1 นิ้ว บีบห่างกัน 1.5 นิ้ว นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ตั้งเวลา 20 นาที จนขนมสุกพองและสีเหลืองสวย ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น ใส่ครีมลงในถุงบีบ บีบใส่แป้งเอแคลร์จนเต็ม จัดให้สวยงาม

เข้าสู่ช่วงเทศกาลแห่งความสุข ลองทำเมนูคุกกี้ฉบับง่ายๆ อย่างแคชชูนัต ที่ได้ความอร่อยจากตัวแป้งร่วนๆ และสัมผัสหนึบหนับของผลไม้อบแห้ง หอมอบอวลกลิ่นควันเทียน เหมาะเป็นของฝากชั้นเลิศเลยล่ะ ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วย         แป้งเค้ก 1 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 3/4 ถ้วย                  เกลือป่น 1/2 ช้อนชา เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสับ 1/4 ถ้วย แครนเบอร์รีแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออก 3 ช้อนโต๊ะ ลูกเกดหั่นชิ้นเล็กแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออก 2 ช้อนโต๊ะ สับปะรดอบแห้งหั่นชิ้นเล็กแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะพร้าว 6 ช้อนโต๊ะ เนยขาวละลาย 4 ช้อนโต๊ะ เทียนอบขนม วิธีทำ เตรียมอ่างผสมร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิด และน้ำตาลไอซิงเข้าด้วยกัน ใส่เกลือป่น คนให้เข้ากัน ทำหลุมตรงกลาง ใส่เนยขาวละลาย คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมันมะพร้าว คลุกให้เข้ากัน ยีเบาๆ ให้แป้งเป็นเม็ดเล็กเหมือนทราย ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แครนเบอร์รี ลูกเกด และสับปะรด คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน นำส่วนผสมมาอัดใส่พิมพ์ แล้วกดด้วยก้านกดให้แน่น เรียงคุกกี้บนถาดที่รองกระดาษไข นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง ไม่เปิดพัดลม ประมาณ 15-17 นาที พักให้ขนมเย็น เรียงขนมใส่ภาชนะ ใส่เทียนอบขนม จุดไฟ ดับไฟแล้วปิดฝา อบไว้จนกว่าจะนำมาเสิร์ฟ

ในประเทศลาตินอเมริกาและนิวเม็กซิโก ตามร้านอาหารและร้านกาแฟจะพบของทอดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมบ้าง สามเหลี่ยมบ้าง กลมบ้าง ใส่ในกระจาดขนมปังทานเคียงกับอาหาร หรือบางทีก็เป็นของหวานหรือของทานเล่นราดน้ำผึ้งหรือโรยน้ำตาลไอซิง ขนมนั้นเรียกว่า “Sopaipilla” (Sopapilla, Sopaipa, Cachanga)   ขนมนี้คล้ายขนมทอดของฝรั่งเศส แต่เนื้อเบาและพองกว่า มีทั้งรสหวานและเค็ม บางทีมีไส้เป็นเนยแข็ง ถั่วกวน (Refried Beans) และอื่นๆ ทานเป็นของหวานหรือของทานเล่น   แต่เมื่อ 200 ปีมาแล้วในรัฐนิวเม็กซิโกมีคนเริ่มเอามาใส่ไส้ครีมชีส จึงกลายเป็น Sopapilla Cheesecake ใช้แป้ง Crescent Rolls สำเร็จรูปที่มีขายทั่วไปเป็นส่วนประกอบหลัก บางแห่งก็ใช้แป้งพัฟเพสตรี (Puff Pastry) สำเร็จรูปเช่นกัน เพราะเนื้อจะเบาและกรอบกว่า ไม่ว่าแป้งจะเป็นอย่างไร ไส้จะทำด้วยครีมชีส น้ำตาล เนย และใส่กลิ่นตามชอบ หลายคนอาจจะลองทำดู   ส่วนผสมแป้ง น้ำอุ่น 100 กรัม น้ำตาลทราย (1) 5 กรัม ยีสต์ผง 13 กรัม เนยนุ่ม 113 กรัม นมอุ่น 100 กรัม ไข่เบอร์ 0 1 ฟอง น้ำตาลทราย (2) 65 กรัม เกลือ 5 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 500 กรัม วิธีทำ ใส่น้ำอุ่นลงในอ่างผสม เติมน้ำตาลทราย (1) และยีสต์ คนให้เข้ากัน และให้ขึ้นเป็นฟอง (8 นาที) เติมเนย นม ไข่ น้ำตาลทราย (2) เกลือ และแป้ง 260 กรัม ตีด้วยหัวตีรูปตะขอให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ ใส่แป้งครั้งละ 30 กรัม จนเนื้อแป้งเนียนและไม่ติดอ่าง ทำเป็นก้อนกลมและพักแป้งให้ขึ้นสองเท่า ส่วนผสมไส้ ครีมชีสพักให้นุ่ม 455 กรัม น้ำตาลทราย 250 กรัม เนยละลาย 113 กรัม วานิลลา 1 ช้อนชา อบเชยป่น 1 ช้อนโต๊ะ อุปกรณ์ พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 13×9 นิ้ว วิธีทำ ตีครีมชีสกับน้ำตาลทราย 150 กรัมจนเนื้อเนียน เติมวานิลลา แบ่งแป้งที่ขึ้นแล้วออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน คลึงออกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเท่าขนาดพิมพ์ทั้ง 2 แผ่น ทาพิมพ์ด้วยเนยและกรุด้วยกระดาษไข ให้ขอบกระดาษสูงกว่าขอบพิมพ์เพื่อยกขนมออกจากพิมพ์ได้ง่าย เทครีมชีสลงบนแผ่นแป้งและเกลี่ยให้ทั่ว นำแป้งอีกแผ่นปิดทับครีมชีส ปิดขอบให้รอบ ราดเนยละลายให้ทั่ว ผสมน้ำตาลที่เหลือกับอบเชย โรยหน้าให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส นาน 30-35 นาทีหรือจนแป้งสุกดี

ความหลากหลายของขนมปังและดิปต่างๆ ทำให้มื้อปาร์ตี้นี้สนุกสนาน จัดวางขนมปังชนิดที่ชอบ เช่น ขนมปังพิซซาโฮมเมดกับดิปที่ทำเองง่ายๆ อย่างดิปกระเทียมกับผักโขมและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ใส่ใบโหระพาอิตาเลียนให้รสชาติมันอร่อย ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) ขนมปังชนิดที่ชอบ เช่น ขนมปังพิซซา ขนมปังคันทรี ขนมปังฝรั่งเศส ขนมปังขาไก่ ลูกมะกอกดอง แฮม โคลด์คัตและชีสตามชอบ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% และดิปต่างๆ สำหรับเสิร์ฟคู่ขนมปัง ส่วนผสมและวิธีทำขนมปังพิซซา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 500 กรัม ยีสต์แห้ง 8 กรัม น้ำอุ่น 1 1/3 ถ้วย เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% 1 ช้อนโต๊ะ ออริกาโนป่น น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% เกลือทะเลสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย ผสมยีสต์กับน้ำอุ่น พักไว้สักครู่ให้ยีสต์ทำงาน ใส่แป้งในอ่างผสม เทยีสต์ผสมน้ำอุ่นลงตรงกลาง ใส่เกลือป่นและน้ำมันมะกอก ใช้มือนวดผสมให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกห่ออาหารพักไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที โรยแป้งบนโต๊ะบางๆ นำแป้งมานวดบนโต๊ะให้เป็นก้อนกลม แล้วแบ่งให้ได้ 5 ก้อนเท่ากัน วางบนถาดที่โรยแป้งไว้ ใช้พลาสติกห่ออาหารคลุมพักไว้ประมาณ 30 นาที นำแป้งออกมาคลึงให้เป็นแผ่นกลม ทาน้ำมันมะกอกบนถาดอบเล็กน้อย วางแป้ง โรยออริกาโน น้ำมันมะกอก และเกลือทะเลให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-15 นาทีจนมีสีเหลืองสวย ยกลงและตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยม พักไว้ให้เย็นบนตะแกรง ส่วนผสมดิปกระเทียมอบกับผักโขมและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กระเทียมกลีบใหญ่ 10 กลีบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1 ถ้วย ผักโขมเบบี้ (Baby Spinach) 2 ถ้วย ใบโหระพาอิตาเลียน 1/2  ถ้วย น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% 1/4 ถ้วย เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรสเล็กน้อย ราดน้ำมันมะกอกเล็กน้อยบนกระเทียมให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 20 นาทีจนสุกนุ่ม พักให้คลายร้อน ปอกเปลือกออกแล้วใส่ลงในเครื่องบดสับ ตามด้วยส่วนผสมทั้งหมด (ถ้าน้ำมันน้อยค่อยๆ ใส่ทีละนิด) ปั่นให้เข้ากันจนละเอียด ใส่กล่อง ราดน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำดิปแอนโชวี กระเทียมปอกเปลือก 1/2 ถ้วย แอนโชวี 1/4 ถ้วย เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% 2 ช้อนโต๊ะ ดับเบิลครีม 1 ช้อนโต๊ะ (หรือใส่นมสดแทนได้) นมจืด 2/3 ถ้วย ปั่นส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันจนละเอียด ใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำดิปมะเขือเทศ มะเขือเทศสดหั่นเต๋า 1 ถ้วย กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศอบแห้งในน้ำมัน (Sundried Tomato) หั่นเต๋า 1/3 ถ้วย Italian Herbs Seasoning 1 ช้อนชา พาร์สลีย์สับ และมะกอกดำหั่นชิ้นเล็กสำหรับโรยหน้า เกลือทะเลและพริกไทยบดหยาบสำหรับปรุงรส ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยตามชอบ ใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้

ใครเคยกินพิซซาญี่ปุ่นบ้าง แผ่นกลมๆ มีผักซอยผสมอยู่ ใส่ทั้งปูอัด เบคอน แฮม หรือหนวดปลาหมึกยักษ์ แต่คลิปนี้มาทำแบบเสียบไม้ ใส่แป้งบางเหมือนแพนเค้ก ใส่ผัก แฮม แล้วม้วนทำแบบอาหารสตรีทฟู้ด ราดด้วยซอสหมู และมายองเนส อร่อยตามแบบฉบับทำเอง         ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง กะหล่ำปลีซอย 1 ถ้วย ต้นหอมญี่ปุ่นซอย 1 ต้น แครอตซอย 1/2 ถ้วย แฮมแผ่น 3 แผ่น มายองเนส ซอสหมูทอดตามชอบ วิธีทำ ผสมแป้ง เกลือป่น ไข่ไก่ และน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน พักไว้ ตั้งกระทะทำเครป ทาน้ำมันบางๆ พอกระทะร้อน วางแฮม ตักส่วนผสมแป้งใส่ให้ทั่ว   โรยกะหล่ำปลี แครอต และต้นหอม เกลี่ยให้ทั่ว แล้วตักส่วนผสมแป้งราดทับผักอีกเล็กน้อย ทอดจนแป้งสุกเหลือง กดให้ผักติดกับแป้ง กลับเอาหน้าผักลงทอดต่อ ทาด้วยซอสหมูทอดให้ทั่ว ใช้ไม้ตะเกียบวางกลางแป้งค่อนไปทางปลาย แล้วม้วนโดยใช้พายยางช่วยม้วนให้แน่น ตักใส่จาน ราดซอสหมูทอด และมายองเนสให้ทั่ว โรยต้นหอมญี่ปุ่นซอย 

เนรมิตมื้อเช้าแบบเดิมๆ ให้อร่อยน่ารับประทานยิ่งขึ้นด้วยเมนู แฮชบราวน์วัฟเฟิล กินพร้อมเบคอนกรอบ และซอสชีสเยิ้มๆ กินเพลินจนหยุดไม่อยู่ ส่วนผสม (จำนวน 3 ที่) มันฝรั่ง 2 หัว แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง พริกไทยป่น 1 ช้อนชา เกลือป่น 1/2 ช้อนชา เบคอนทอด 3 ชิ้น น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย ส่วนผสมซอสชีส เนยสดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 3/4 ถ้วย ชีสเชดดาร์ชนิดแผ่นสีส้ม 6 แผ่น วิธีทำ เตรียมซอสชีสโดยใส่เนยสดลงในหม้อ ตั้งไฟให้ละลาย ใส่แป้งข้าวโพด ผัดให้เข้ากัน ใส่นมสด คนให้เข้ากันจนข้น ใส่ชีสแผ่น คนจนชีสละลายหมด ปิดไฟ คนต่อสักครู่พอให้ชีสคลายความร้อน เตรียมไว้ ปอกเปลือกมันฝรั่งแช่น้ำไว้สักครู่ไม่ให้ดำ แล้วขูดให้เป็นเส้นๆ ใส่ชามผสมไว้ ใส่ไข่ไก่ แป้ง ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ใส่น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย ผสมให้เข้ากัน ตั้งเตาวัฟเฟิลทาน้ำมันบางๆ ให้ทั่ว ตักส่วนผสมมันฝรั่งใส่ ปิดฝาอบจนสุก จัดใส่จาน ราดซอสชีส เบคอนกรอบ โรยต้นหอม เสิร์ฟร้อนๆ

เมนูกินเพลินคุณประโยชน์เพี๊ยบ โดยมีส่วนผสมทั้งกล้วยหอม ข้าวโอ๊ตและบีตรูต หอมสีสวยแถมอร่อยด้วย ส่วนผสม กล้วยหอม 2 ผล ข้าวโอ๊ต 1 1/2 ถ้วย แป้งข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วย นมอัลมอนด์ 1/2 ถ้วย วอลนัตอบสับ 1/2 ถ้วย อัลมอนด์แท่งอบสุก 1/4 ถ้วย      ช็อกโกแลตชิป 1/4 ถ้วย บีตรูตต้มสุกบดละเอียดคั้นน้ำออก 1/2 ถ้วย วิธีทำ บดกล้วยหอมให้ละเอียด ใส่นมอัลมอนด์ และน้ำตาลทรายแดง คนให้เข้ากันทั่ว ใส่บีตรูต ข้าวโอ๊ต และแป้งข้าวโอ๊ตลงไปผสมให้เข้ากัน ใส่วอลนัต อัลมอนด์ และช็อกโกแลตชิป คนให้เข้ากัน ตักเป็นก้อนใส่ถาดอบที่รองด้วยกระดาษ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาทีหรือจนคุกกี้แห้ง ยกออกจากเตา พักไว้

เมนูของกินเล่นหอมมันจากชีส โดยเพิ่มประโยชน์ด้วยบรอคโคลี อร่อยกินเพลิน ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) บรอกโคลี 1 ดอก ไข่ไก่ 1 ฟอง หอมหัวใหญ่สับ 1/2 หัว ชีสผสม (เชดดาร์ มอซซาเรลลา พาร์เมซาน) 3/4 ถ้วย เกล็ดขนมปัง 1/2 ถ้วย พาร์สลีย์สับ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา ซอสมะเขือเทศผสมมายองเนส วิธีทำ ลวกบรอกโคลีในน้ำเดือดให้สุก ตักขึ้นแช่น้ำเย็นให้หายร้อน ใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ นำไปบดให้ละเอียด ตักใส่ชามผสม ใส่ไข่ไก่ หอมหัวใหญ่ เกล็ดขนมปัง พาร์สลีย์ เกลือป่น พริกไทย และชีสรวม ผสมให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนเท่าๆ กัน วางเรียงในถาดอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก จัดใส่จานเสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศผสมมายองเนส

หนึ่งในขนมคลาสสิกของอเมริกาที่ทำกันมานานแล้วคือ Snickerdoodle คุกกี้หน้าตาไม่สวย มีลายแตกๆ คลุกน้ำตาลผสมผงอบเชย บางทีกรอบ บางทีก็นุ่มเหนียว ขึ้นอยู่กับส่วนผสม ทำง่าย เวลาทำจะหอมกลิ่นอบเชยไปทั่วบ้าน   ขนมนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิด แต่ตำรามีพิมพ์ไว้ในปลายศตวรรษที่ 19 บางคนบอกว่าทำตามแบบขนมของพวกเยอรมันที่อยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย   “สนิกเกอร์ดูเดิล” เป็นขนมที่มีคนชอบกันมาก จึงทำให้เกิดขนมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น ไอศกรีม โดนัท ขนมปัง ฉบับนี้เราจะมาทำสนิกเกอร์ดูเดิลเค้กกัน ทานแบบขนมปังเป็นอาหารเช้าก็ได้ ทานเล่นเป็น Coffee Cake ได้ตลอดวัน ส่วนผสมจะเพิ่มเติมอะไรที่ชอบก็ได้   ขนมง่ายๆ ที่ทำเองได้ไม่ยาก   ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 260 กรัม แป้งเค้ก 65 กรัม ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 6 กรัม เนยพักไว้ให้นุ่ม 227 กรัม น้ำตาลทราย 275 กรัม อบเชยป่น 2 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์ 0 3 ฟอง วานิลลาผง 1/2 ช้อนโต๊ะ ซาวร์ครีม 180 กรัม (ใช้กรีกโยเกิร์ตแทนก็ได้) ชิป (Chip) เม็ดเล็ก เช่น ช็อกโกแลตชิป 150 กรัม (รสอะไรก็ได้ตามชอบ ไม่ใส่เลยก็ได้) น้ำตาลทราย 25 กรัม ผงอบเชย 10 กรัม อุปกรณ์ พิมพ์ขนาด  7.5 × 4 × 2.5 นิ้ว และ 7.5 × 4 × 3.5 นิ้ว ทาเนยกรุกระดาษไขเตรียมไว้ วิธีทำ ใส่เนย น้ำตาล เกลือ และอบเชยในโถปั่น ตีจนฟู (ไม่มีโถปั่น ใช้ที่ตีตะกร้อมือไฟฟ้าก็ได้) เติมไข่ทีละฟองและตีพอเข้ากัน เติมวานิลลาและซาวร์ครีม ตีให้เข้ากันดี ใส่ชิป ผสมแป้งทั้ง 2 ชนิดและผงฟูใส่ลงในโถปั่น คนพอเข้ากันดี แบ่งส่วนผสมใส่ 2 พิมพ์ให้เท่าๆ กัน (ไม่ควรเกิน 2/3 ของพิมพ์) โรยน้ำตาลผสมอบเชยให้ทั่วหน้า โรยหนาๆ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส พิมพ์ขนาดเล็ก 45 นาที พิมพ์ขนาดใหญ่ 60 นาที

ฟักทองสัญลักษณ์ในเทศกาลฮัลโลวีน ตัดแต่งเป็นถ้วยใส่ชีสฟองดู อบจนชีสยืด เสิร์ฟคู่กับนาโชชิป ฟักทองชิป และมันม่วงชิปแผ่นบางกรอบ ดิปกับชีสยืดเยิ้มเหมาะกับการปาร์ตี้ในวันฮัลโลวีน ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) ฟักทอง (ผลเล็ก) 1 ผล น้ำมันมะกอกเล็กน้อย นาโชชิป ฟักทองชิป และมันม่วงชิปสำหรับเสิร์ฟ ส่วนผสมชีสฟองดู ชีสสำหรับทำฟองดู 1 กล่อง พาร์สลีย์สับสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย และพริกไทยดำบดปริมาณตามชอบ วิธีทำ ตักเนื้อฟักทองออกให้เป็นถ้วย วางบนถาดอบ ทาน้ำมันมะกอกให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-40 นาที อุ่นชีสสำหรับทำฟองดูให้เดือด ตักใส่ถ้วยฟักทอง นำเข้าเตาอบต่อประมาณ 5 นาทีจนหน้าเป็นสีน้ำตาลสวยและไหม้เล็กน้อย ยกออกจากเตาอบ โรยพาร์สลีย์สับ และพริกไทยดำบด เสิร์ฟพร้อมนาโชชิป ฟักทองชิป และมันม่วงชิป

คุกกี้สำหรับสายสุขภาพ อุดมไปด้วยคุณประโยชน์จากธัญพืช อร่อยกรุบกรอบ กินได้ไม่ต้องกลัวอ้วน ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ข้าวโอ๊ต 1 3/4 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา ผงกระเทียม 1/2 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันรำข้าว 1 ช้อนโต๊ะ งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ นมสดสำหรับทาแครกเกอร์ วิธีทำ ใส่ข้าวโอ๊ต น้ำตาลทรายแดง พริกไทยป่น ผงกระเทียม เกลือป่น และผงฟูลงในเครื่องบดสับ ปั่นให้เข้ากันจนละเอียด   ใส่น้ำเปล่าและน้ำมันรำข้าว ปั่นต่อให้เข้ากัน เทใส่ชามผสม ใส่งาดำ ผสมให้เข้ากัน ตักใส่กระดาษรองอบแล้วปิดด้วยกระดาษอีกแผ่น รีดเป็นแผ่น ตัดเป็นชิ้นขนาด 3.5 x 3.5 เซนติเมตร  เรียงใส่ถาดอบ ทานมสดให้ทั่ว นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาทีให้เหลืองหอม พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดฝา

เมนูของว่างกินเล่นที่จับแป้งพายและชีสมาไว้ด้วยกัน ม้วนให้เป็นแท่งสวยงามทานง่าย หอมกรอบอร่อยกินเพลิน ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) แป้งพายชั้นแช่แข็ง 200 กรัม ไข่ไก่ตีให้เข้ากัน 1 ฟอง ชีสเชดดาร์ขูด 1/2 ถ้วย ชีสพาร์เมซานขูด 1/4 ถ้วย วิธีทำ รีดแป้งพายชั้นให้เป็นแผ่นบาง ทาด้วยไข่ไก่ให้ทั่ว โรยชีสเชดดาร์และพาร์เมซานขูดให้ทั่วทั้งแผ่น ตัดเป็นชิ้นตามยาว กว้าง 1.5 เซนติเมตร นำแต่ละชิ้นมาบิดให้เป็นเกลียว เรียงใส่ถาด นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เวลา 15-20 นาทีจนสุกเหลือง 

คุกกี้ทรงถ้วยกรุบกรอบ กินพร้อมครีมช็อกโกแลตนุ่มฟู หน้าตาน่ารักจะทำทานเองหรือให้เป็นของขวัญก็ดีทั้งคู่ ส่วนผสม (ทำได้ 24 ชิ้น) เนยสดเค็ม 150 กรัม น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม เกลือป่น 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา ช็อกโกแลตชิป 50 กรัม ดาร์กช็อกโกแลตชนิดเหรียญ 250 กรัม วิปปิงครีม 1/3 ถ้วย วิธีทำ เตรียมแป้งคุกกี้โดยตีเนยสดกับน้ำตาลทรายแดงและเกลือเข้าด้วยกันพอให้ขึ้นฟู ใส่ไข่ไก่ ตีต่อให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลีและผงฟู คนให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตชิป ผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมแป้งคุกกี้มากรุลงพิมพ์มัฟฟินมินิ กดให้เป็นทรงถ้วย แล้วนำเข้าเตาอบจนสุก ละลายดาร์กช็อกโกแลตกับวิปปิงครีม คนให้เข้ากัน แช่เย็นไว้ ใส่ช็อกโกแลตลงในถุงบีบ บีบใส่ถ้วยคุกกี้ที่อบไว้

แจกไอเดียกินป๊อปคอร์นให้สนุกและมีสีสันมากขึ้น ด้วยมาร์ชแมลโลว์ ยืดๆหนึบๆ แค่คิดก็ฟินแล้ว ส่วนผสม เมล็ดข้าวโพดดิบ 1/2 ถ้วย น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ เนยสดเค็มสำหรับทำป๊อปคอร์น 1 ช้อนโต๊ะ มาร์ชแมลโลว์ 80 กรัม เนยสดเค็มสำหรับผสมมาร์ชแมลโลว์ 2 ช้อนโต๊ะ ผงสตรอว์เบอร์รี 2 ช้อนชา สีผสมอาหารสีเหลืองและสีฟ้า สีละ 2 หยด วิธีทำ ใส่เนยสด น้ำมัน และเมล็ดข้าวโพดลงในหม้อหรือกระทะที่มีฝาปิด ตั้งไฟให้ร้อน ผัดจนเมล็ดข้าวโพดเริ่มแตก ปิดฝาไว้จนเมล็ดข้าวโพดแตกหมด เตรียมไว้ อุ่นมาร์ชแมลโลว์ ใส่ผงสตรอว์เบอร์รีและเนยสดให้ละลาย ใส่ป๊อปคอร์นลงคลุกให้เคลือบทั่วกัน ปั้นเป็นก้อนกลมใส่ถาดไว้ ทำป๊อปคอร์นสีฟ้าและสีเหลืองด้วยวิธีเดียวกับป๊อปคอร์นรสสตรอว์เบอร์รี

อร่อยแถมน่ารัก สำหรับคุกกี้รูปหมีหอมเนย ที่จะทำกินเองหรือมอบให้เป็นของขวัญก็ดีไม่แพ้กัน ส่วนผสม เนยสดเค็ม 115 กรัม น้ำตาลไอซิง 100 กรัม      เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 1/2   ช้อนชา วิธีทำ ตีเนยสดกับน้ำตาลไอซิงและเกลือเข้าด้วยกันให้ฟูเล็กน้อย ใส่ไข่ ตีให้เข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลา ตีต่อให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลีและผงฟู ผสมให้เข้ากันทั่ว ใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบหยักบีบใส่ถาดโดยบีบเป็นหูของหมีก่อน แล้วบีบวนขดเป็นหน้าหมี นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ160 องศาเซลเซียส เวลา 15-18 นาทีหรือจนสุก ตกแต่งหน้าคุกกี้เพิ่มเติมด้วยน้ำตาลไอซิงผสมไข่ขาว และช็อกโกแลตให้น่ารักสวยงาม

แซนด์วิชหวานที่ประกอบด้วยชั้นเจลลีสับปะรด เนื้อเค้กสปันจ์ มูสไวต์ช็อกโกแลตรสมะพร้าว และช็อกโกแลต เสิร์ฟเป็นชิ้นเล็กสามเหลี่ยมขนาดพอดีคำ หรือที่เรียกว่าเปอติ ฟูร์ ส่วนผสมและวิธีทำเจลลีคูลีส์สับปะรด เนื้อสับปะรดบดละเอียด (Pineapple Puree) 192 กรัม ผิวมะนาวขูด 1 1/2 ผล น้ำตาลทราย (1) 39 กรัม น้ำตาลทราย (2) 22 กรัม เพกติน (NH Pectin) 4.5 กรัม อัลจิน (Algin) 1.5 กรัม ผงเจลาติน 5.25 กรัม น้ำเปล่า 37 กรัม เตรียมเจลาตินโดยผสมผงเจลาตินลงในน้ำ พักไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นนำเจลาตินไปตั้งไฟจนละลาย แช่เย็นพักไว้ ผสมเนื้อสับปะรดบดละเอียด ผิวมะนาว และน้ำตาลทราย (1) ลงในหม้อ ตั้งไฟให้พออุ่น ผสมน้ำตาลทราย (2) เพกติน และอัลจินเข้าด้วยกัน จากนั้นค่อยๆ เทลงในหม้อสับปะรดทีละนิด ต้มให้เดือดประมาณ 1 นาที พักให้ส่วนผสมเย็นจนถึงอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส ใส่เจลาตินที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน จากนั้นลดอุณหภูมิส่วนผสมให้เหลือที่ 25 องศาเซลเซียส ส่วนผสมและวิธีทำสปันจ์โจคง (1 สูตร สำหรับ 3 พิมพ์)                                               ไข่ไก่ 213 กรัม อัลมอนด์ป่น 145 กรัม น้ำตาลไอซิง 102 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 43 กรัม ไข่ขาว 174 กรัม น้ำตาลทราย 58 กรัม    ตีไข่ไก่กับอัลมอนด์ป่น น้ำตาลไอซิง และแป้งเข้าด้วยกันประมาณ 6-8 นาที ตีไข่ขาวและน้ำตาลให้เป็นเมอแรงก์ตั้งยอดอ่อน นำไปตะล่อมกับส่วนผสมอัลมอนด์ป่นอย่างเบามือ เทส่วนผสมลงบนถาด ปาดให้หนา 5 มม. นำเข้าเตาอบลมร้อนที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสนาน 6-7 นาที นำสปันจ์ออกมาพักให้เย็น ตัดชิ้นขนาด 16x16 ซม. ส่วนผสมและวิธีทำมูสไวต์ช็อกโกแลตมะพร้าว (1 สูตร สำหรับ 3 พิมพ์) กะทิ 98 กรัม ผงเจลาติน 5.6 กรัม น้ำเปล่า 39 กรัม ไวต์ช็อกโกแลต (Cb Blanc Satin™ 29%) 180 กรัม โกโก้บัตเตอร์ 23 กรัม เหล้ามาลิบู (Malibu) 27 กรัม วิปครีม 244 กรัม เตรียมเจลาตินโดยผสมผงเจลาตินกับน้ำ พักไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นนำเจลาตินไปตั้งไฟจนละลาย แช่เย็นพักไว้ ละลายไวต์ช็อกโกแลตและโกโก้บัตเตอร์เข้าด้วยกัน ใส่กะทิในหม้อตั้งไฟให้ได้อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ใส่เจลาตินลงไปละลาย ทำกานาชโดยผสมช็อกโกแลต กะทิ และเหล้าเข้าด้วยกัน ลดอุณหภูมิให้เหลือ 50 องศาเซลเซียส ผสมกับวิปครีมให้เข้ากัน พักไว้ ส่วนผสมและวิธีการตกแต่ง                                                                                  ดาร์กช็อกโกแลตเซมิสวีท (Cb Mi-Amère 58%) 300 กรัม ผงเงินสำหรับตกแต่ง และแอลกอฮอล์ 70% ปริมาณเล็กน้อย เกลซใส 60 กรัม                                          เทมูสปริมาณ 82 กรัมลงในพิมพ์ขนาด 16x16 เซนติเมตร แช่ในช่องแช่แข็งจนมูสแข็งจัด เทเจลลีคูลีส์ปริมาณ 90 กรัมลงบนมูส นำเข้าช่องแช่แข็งอีกครั้ง จากนั้นจึงเทมูสชั้นที่ 2 วางทับด้วยสปันจ์โจคง นำเข้าช่องแช่แข็ง เมื่อมูสแข็งดีแล้ว พลิกกลับด้านวางสปันจ์โจคงแผ่นที่ 2 ทับลงไป ตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมขนาดพอดีคำ (เปอติ ฟูร์) และติดช็อกโกแลตแผ่นตกแต่งให้สวยงาม

คุกกี้หน้าตาสวยงาม หอมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ จากดอกไม้กินได้ เห็นแบบนี้แล้วจะกินลงมั้ยนะ? ส่วนผสม เนยสดเค็มพักไว้ให้นุ่ม 160 กรัม น้ำตาลไอซิง 100 กรัม เกลือป่น 1/4 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 320 กรัม ไข่ขาวสำหรับทาหน้าคุกกี้ 1 ฟอง ดอกไม้กินได้ตามชอบ วิธีทำ ผสมเนยสดกับน้ำตาลไอซิงและเกลือเข้าด้วยกัน ใส่ไข่ไก่ คนให้เข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลา คนจนส่วนผสมเข้ากัน ใส่แป้งสาลี ใช้พายคนจนเป็นเนื้อเดียวกัน แบ่งแป้งเป็น 4 ส่วน ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้ 1 ชั่วโมง รีดแป้งให้เป็นแผ่นหนา 2 มิลลิเมตร กดด้วยที่กดคุกกี้ ดึงแป้งส่วนเกินออก ค่อยๆ นำคุกกี้ใส่ถาดเรียงให้ห่างพอสมควรจนเต็มถาดอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 12-15 นาทีให้พอคุกกี้สุกเหลือง พักไว้ให้เย็น   ทาไข่ขาวบนหน้าคุกกี้บางๆ ติดด้วยดอกไม้กินได้ ทาไข่ขาวบางๆ อีกครั้ง เรียงใส่ถาดอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เวลา 2 นาที พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ถุงหรือภาชนะที่ปิดสนิท

นาทีนี้คงไม่มีอะไรจะมาแรงเท่าการเปิดตัว The Standard, Bangkok Mahanakhon โรงแรมแฟลกชิปแห่งแรกของแบรนด์ The Standard ในเอเชีย โดดเด่นด้วยวิวจากมุมสูงที่มองเห็นโค้งน้ำเจ้าพระยาและแสงไฟระยิบระยับที่อาบกรุงเทพฯ ให้มีชีวิตชีวาไม่รู้จบ อีกทั้งบนชั้น 76 ยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารเม็กซิกันไฟน์ไดนิง Ojo ที่ได้เชฟระดับโลกอย่างเชฟฟรานซิสโก ปาโก รูอาโน (Francisco Paco Ruano) มาดูแลด้วยตัวเอง   เชฟปาโกปรากฏตัวในเสื้อยืดสีม่วงคู่ใจด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนจะนั่งร่วมวงสนทนากับเราถึงเส้นทางสายอาหาร ด้วยประสบการณ์นานถึง 22 ปี เชฟปาโกเกิดและเติบโตในเมืองกวาดาลาฮารา ประเทศเม็กซิโก (ซึ่งเชฟบอกว่าเป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องสตรีทฟู้ด) ผูกพันกับอาหารโฮมคุกสุดอร่อยฝีมือคุณยายและคุณแม่ หลังจากจบไฮสคูลเขาเลือกเรียนต่อที่โรงเรียนสอนทำอาหาร จากนั้นออกเดินทางไปหลายประเทศ ทั้งสเปนและเดนมาร์ก ผ่านงานในร้านอาหารระดับโลกมาแล้วหลายร้าน ก่อนจะกลับมาเปิดร้านที่บ้านเกิดชื่อ Alcalde ร้านอาหารเม็กซิกันสุดเจ๋งที่คว้ารางวัลมากอดแล้วมากมาย รวมถึงรางวัล Latin America’s 50 Best Restaurants   หากจะให้คำจำกัดความสไตล์อาหารของตัวเอง เชฟปาโกตอบเราว่า “เต็มไปด้วยความสนุกสนาน รสชาติอร่อย และหน้าตาสวยงาม” ซึ่งสังเกตได้จากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงสีสันที่ใช้ในจาน อาหารของ Ojo จึงเป็นอาหารเม็กซิกันรสชาติดั้งเดิมจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และพร้อมเซอร์ไพรส์เราทุกเมนู   จริงอยู่ที่ร้านอาหารในเม็กซิโกของเขารุ่งโรจน์อย่างที่สุด แต่เชฟอารมณ์ดีคนนี้บอกเราว่าเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ จึงพยายามทำสิ่งใหม่อยู่เสมอ เช่นเดียวกับการร่วมงานกับ The Standard, Bangkok Mahanakhon ครั้งนี้ ก็นับเป็นความท้าทายที่เชฟปาโกตั้งตารอเช่นกัน   “ผมอยากให้ทุกคนได้สัมผัสรสชาติของอาหารเม็กซิกันที่แท้จริง ซึ่งเป็นรสชาติแบบที่คุณจะได้ลิ้มรสเมื่อไปนั่งอยู่ในร้านอาหารดีๆ ที่เม็กซิโก นี่คือเหตุผลที่ผมเฟ้นหาเมนูเด่นๆ จากทั่วประเทศ คัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด ซึ่งหวังว่าจะนำความสนุกและประสบการณ์การกินอาหารเม็กซิกันมาสู่นักกินชาวไทยผ่านตัวตนของพวกเรา”   เมื่อถามถึงจานโปรด เชฟเล่าอย่างอารมณ์ดีว่าตอบยาก เพราะทำอาหารมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน แต่ของหวาน Arroz Con Leche ที่ลงมือทำวันนี้เป็นเมนูที่อยู่ในร้าน Alcalde มานานถึง 8 ปีแล้ว เต็มไปด้วยความหอมหวาน ครีมมี่ มีหลายองค์ประกอบในจานเดียว และหากสังเกตให้ดีจะได้เห็นประกายสีทองระยิบระยับในจาน ล้อไปกับแสงยามเย็นที่ส่องเข้ามาในร้านอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ojo ด้วย   “เป็นจานที่ป๊อปปูลาร์มากที่เม็กซิโก และหวังว่าจะได้รับความนิยมที่นี่ด้วยเช่นกัน” Arroz Con Leche Cinnamon Ice Cream ส่วนผสม (สำหรับ 15 ที่) ผงอบเชย 80 กรัม นม 2,000 มิลลิลิตร นมผง 50 กรัม น้ำตาลทราย 150 กรัม Tant Pour Tant 260 กรัม วิปปิงครีม 500 กรัม สารให้ความคงตัวไอศกรีม 4 กรัม  วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในหม้อคนให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน จนวัดอุณหภูมิได้ 80 องศาเซลเซียส ปิดไฟแล้วใช้พลาสติกใสปิดปากหม้อไว้ พักจนส่วนผสมเย็น กรองส่วนผสมแล้วปั่นจนเนื้อเนียน ใส่ไอศกรีมที่ปั่นลงในถ้วยอะลูมิเนียมหรือกล่องใส่อาหาร นำเข้าช่องแช่แข็งอย่างน้อย 10 ชั่วโมง หรือข้ามคืนจนไอศกรีมเซ็ตตัว ก่อนเสิร์ฟนำมาใส่เครื่องปั่น ปั่นด้วยความเร็วสูงสุดจนเนื้อเนียน ตักเสิร์ฟ Rice and Milk ส่วนผสม (สำหรับ 15 ที่) ข้าวบาสมาติ 500 กรัม นมสด 1,500 มิลลิลิตร วิปปิงครีม 1,500 มิลลิลิตร น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม ฝักวานิลลา 4 ฝัก วิธีทำ ตั้งหม้อใส่นมสด วิปปิงครีม และฝักวานิลลา (ผ่าครึ่งแล้วขูดเมล็ดใส่พร้อมฝัก) ต้มจนส่วนผสมงวดลงครึ่งหนึ่ง จากนั้นใส่น้ำตาลทราย คนจนน้ำตาลละลาย พักไว้ ต้มข้าวบาสมาติในน้ำเดือด (ใส่น้ำมาก) นาน 15 นาทีจนข้าวสุกประมาณ 60% (ข้าวเริ่มนิ่ม) กรองน้ำออก แล้วใส่ส่วนผสมวิปปิงครีมที่เตรียมไว้ ต้มจนข้าวสุก ส่วนผสมสำหรับตกแต่ง (สำหรับ 1 ที่) น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ช้อนโต๊ะ ไวต์ช็อกโกแลตครัมเบิล 20 กรัม นมถั่วเหลืองประมาณ 50 กรัม วิธีทำ วิธีทำไวต์ช็อกโกแลตครัมเบิล หั่นช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียส นานประมาณ 10 นาทีจนมีสีน้ำตาลอ่อน พักให้เย็น ใช้มือบีบช็อกโกแลตให้เป็นชิ้นเล็กๆ พักไว้ วิธีทำแผ่นนมถั่วเหลืองกรอบ ใส่นมถั่วเหลืองลงในกระทะเทฟลอน กรอกให้เป็นแผ่นบางแล้วตั้งไฟอ่อนจนระเหยได้เป็นแผ่นแล้วตักขึ้น ทำจนหมดจะได้แผ่นนมถั่วเหลืองกรอบประมาณ 3-4 แผ่น วางพักไว้บนตะแกรงให้เย็น ขั้นตอนการจัดจาน ตักข้าวลงในจานเสิร์ฟเกลี่ยให้เรียบ โรยน้ำตาลมะพร้าวเล็กน้อย ใช้ปืนพ่นไฟ (Torch) เผาน้ำตาลให้ไหม้เล็กน้อย ตักไอศกรีมวางบนหน้า โรยด้วยช็อกโกแลตครัมเบิล วางแผ่นนมถั่วเหลืองกรอบ ตกแต่งจานให้สวยงาม

  หลายคนอาจยังไม่รู้จัก Nougat (นูกัต) หรือ "ตังเมไต้หวัน" เป็นขนมเนื้อหนึบหนับ รสหวานหอม เหมาะกินคู่กับชาหรือกาแฟ ถูกใจสายหวานแน่นอน   ส่วนผสม (ทำได้ 24 ชิ้น) เนยสดรสเค็ม 120 กรัม มาร์ชแมลโลว์ 300 กรัม นมผง 100 กรัม ผงสตรอว์เบอร์รี 2 ช้อนโต๊ะ สตรอว์เบอร์รีอบแห้ง 1 ถ้วย ถั่วพิสตาชิโอ 1/2 ถ้วย วิธีทำ อุ่นเนยสดให้ละลาย ใส่มาร์ชแมลโลว์ คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่นมผงและผงสตรอว์เบอร์รี คนให้เข้ากัน  ใส่สตรอว์เบอร์รีอบแห้งและถั่วพิสตาชิโอ คลุกให้เข้ากัน  ตักใส่พิมพ์ กดเบาๆ ให้แน่น นำไปแช่ตู้เย็นจนส่วนผสมเย็นสนิท  ตัดนูกัตเป็นชิ้น ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้ 

  กระยาสารทเป็นขนมไทยที่ว่ากันว่าทำมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เรื่องราวความเป็นมาทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว กระยาสารทเป็นของที่มักทำสำหรับเทศกาลวันสารทไทย ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 และทำครั้งละมากๆ ในกระทะใบใหญ่   ปัจจุบันกระยาสารททำขายกันตลอดปี เมื่อผู้เขียนยังเป็นเด็กที่บ้านคุณปู่คุณย่าทำปีละหลายครั้งแต่ละครั้งทำไม่มาก พอสำหรับทานวันต่อวัน ต่อมาเมื่อมีเวลามากขึ้นในครัวจะทำเป็นชิ้นเล็กๆ ไว้แจก คุณแม่เห็นว่าผู้เขียนแพ้ถั่วลิสงจึงใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบแทน เมื่อมีแมกคาเดเมียปลูกในประเทศไทย การใส่แมกคาเดเมียทำให้กระยาสารทหอมและอร่อยขึ้น   กระยาสารทจัดเป็นของที่ทานคู่กับชาได้ดี ปริมาณที่ทำในฉบับนี้ก็พอเหมาะไม่มากและกวนได้ไม่ยากเกินไป   ส่วนผสม น้ำตาลโตนด 330 กรัม กะทิ 330 กรัม แบะแซ 250 กรัม ดอกเกลือ 1/4 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ข้าวเม่าราง หรือ Rice Crispies 200 กรัม ข้าวตอก 100 กรัม งาดำ งาขาว 100 กรัม แมกคาเดเมีย 150 กรัม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม อุปกรณ์ : ถาดขนาด 12 × 16 นิ้ว   วิธีทำ คั่วข้าวตอก หรืออบด้วยอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที คั่วงาและแมกคาเดเมียโดยใช้ไฟอ่อนจนเหลืองหอม ในกระทะใส่น้ำตาล กะทิ และเกลือ ใช้ไฟกลาง คนจนน้ำตาลละลาย เติมแบะแซ เคี่ยวจนเป็นยางมะตูม ใส่น้ำมะนาว หรือจนได้อุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียส หรือทดลองหยดลงในน้ำและปั้นได้ ปิดไฟ ใส่ข้าวตอก คนให้เข้ากัน ใส่ข้าวเม่า แมกคาเดเมีย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้ากันดี โรยงาแล้วเทลงถาด ถ้าต้องการหั่นเป็นแท่ง ใช้ไม้คลึงแป้งกดให้เรียบและตัดตามชอบ