ส่วนผสม (สำหรับ 4 เส้น) เนื้อหมูสับ 1 1/2 ถ้วย มันหมูแข็ง (ปั่นพอหยาบ) 1/3 ถ้วย เนื้อกุ้งโอคัก 12 ตัว เนื้อปู 1 ถ้วย เนื้อปูก้อนจัมโบ้ 1/2 ถ้วย ไข่ขาว 1 ฟอง ต้นหอมซอย 2-3 ช้อนโต๊ะ ก้านผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แผ่นฟองเต้าหู้ 1 แผ่น (ใหญ่) วิธีทำ ใช้ด้านหลังมีดสับเนื้อกุ้งให้พอแหลกใส่ลงในชามผสม ผสมเนื้อหมูสับและมันหมูให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นเนื้อปูก้อนจัมโบ้และแผ่นฟองเต้าหู้) นวดและฟาดส่วนผสมจนเนื้อเนียน คลุมด้วยพลาสติกแรปพักไว้ในตู้เย็นนาน 30 นาที ตัดแผ่นฟองเต้าหู้เป็นสี่เหลี่ยมขนาด 20×20 เซนติเมตร วางส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงตรงกลาง ใส่เนื้อปูก้อนจัมโบ้ตรงกลาง ม้วนฟองเต้าหู้ให้แน่น มัดด้วยเชือกให้เป็นลูกขนาดตามต้องการ นำไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 5-8 นาที หรือจนเซ็ตตัว พักไว้ให้หายร้อน หั่นให้เป็นชิ้นตามเชือกที่ผูกไว้ทอดในน้ำมันร้อนท่วมด้วยไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนจนเป็นสีเหลืองสวยงาม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วย

ครีเอตขนมไทยให้น่ารักขึ้นอีกเป็นกอง ด้วยทองม้วนหลากสีหวานๆ  แถมทำง่ายกว่าที่คิด   ส่วนผสม แป้งมันสำปะหลัง 200 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 80 กรัม น้ำตาลทราย 130 กรัม เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์ 1 ตีให้เข้ากัน 1/2 ฟอง หัวกะทิ 1 ถ้วย งาดำ 1 1/2 ช้อนชา สีผสมอาหารสีชมพู สีเขียวแอปเปิล สีฟ้า พิมพ์วงกลมสำหรับกดทองม้วน วิธีทำ ผสมแป้งมัน แป้งสาลี น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน ใส่กะทิและไข่ไก่ คนให้เข้ากัน แบ่งเป็น 3 ส่วน ใส่สีผสมอาหาร สีชมพู เขียวแอปเปิล และสีฟ้า สีละ 2 หยด คนให้เข้ากัน ใส่งาดำลงในส่วนผสมแป้งสีละ 1/2 ช้อนชา  ตั้งกระทะไฟอ่อน ตักแป้งหยอดลงกระทะ 1 ช้อนชา ใช้พิมพ์กดให้แบน รอ 1 นาที แล้วกลับอีกด้าน กดแป้งบนกระทะให้สุกอีก 1 นาที นำมาม้วนแล้วพักไว้ ทำจนแป้งหมด

“เจี๊ยบทำเค้กวันเกิดให้เจี๊ยบด้วยนะคะ”   แป๋ว-วันทนี เพื่อนครุศาสตร์จุฬาฯ เจ้าแม่อีเวนต์จัดงานให้เพื่อนๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องโทรมาบอกป้าเจี๊ยบซึ่งชักจะเริ่มเป็นที่หมายปองของเพื่อนๆ ในเรื่องอาหารคาวหวานขึ้นเรื่อยๆ อิอิ   เจี๊ยบอีกคนเป็นเพื่อนวิศวะซึ่งขอให้แป๋วเป็นแม่งานจัดเลี้ยงขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ จุฬาฯ ที่ร่วมกันจัดงานแสดงความยินดีให้เธอเมื่อตอนได้รับรางวัลพ่อดีเด่นแห่งชาติ พอแป๋วเห็นว่าวันจัดงาน Thank You Party ตรงกับเดือนเกิดของเจี๊ยบ แป๋วจึงถือโอกาสฉลองวันเกิดให้ด้วยซะเลย   เค้กที่ทำให้ตามคำขอคือเค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตหน้าอัลมอนด์ทอฟฟี่ ก่อนลงมือทำก็เปิดดูรายชื่อแขกรับเชิญซะก่อนเพื่อรู้จำนวนคน จะได้กะขนาดเค้กให้พอดี   อ่านแล้วเห็นชื่อเอมอร สัตถาวงษ์ เพื่อนบัญชี FC พีแคน หลานชายอารมณ์ดีของยายเจี๊ยบ และเธอเป็นแฟนคลับขนมทุกชนิดของป้าเจี๊ยบ  นานๆ ทีจะได้เจอกันเพราะเธอไม่ค่อยว่าง เป็นจิตอาสาช่วยทำบัญชีให้วัดต่างๆ พอทำเค้กเสร็จมีอัลมอนด์เหลือ ป้าเจี๊ยบจึงคิดทำขนมกรุบๆ กรอบๆ หวานๆ เค็มๆ มันๆ ไปฝาก   เอมอรชอบเค้กคาราเมลเค็มของป้าเจี๊ยบอย่างมากกกก...งั้นทำอัลมอนด์บริตเทิลคาราเมลเค็มสิคะ เป็นถั่วตัดแบบฝรั่ง เรียกแบบไทยๆ ประมาณว่าอัลมอนด์ตัด หรืออัลมอนด์กระจก ฮา!   ป้าเจี๊ยบจัดการเทอัลมอนด์ดิบชนิดหั่นเป็นแท่ง 3 ถ้วยตวง ลงในถาดอบขนาด 12 × 8 นิ้วที่ปูกระดาษไขไว้แล้ว ใช้มือเกลี่ยให้กระจายสม่ำเสมอกัน นำถาดเข้าเตาอบที่ปุ่มความร้อนอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส หรือ 300 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 10 นาที พอได้ยินเสียงติ๊ง นำถาดออกมาวางพักไว้ ปรับปุ่มความร้อนไปที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส หรือ 325 องศาฟาเรนไฮต์ รอไว้   ลงมือทำคาราเมลเค็มโดยใส่น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ เนยสด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลโตนด 1/2 ถ้วยตวง น้ำเชื่อมมะพร้าว 3/4 ถ้วยตวง ดอกเกลือป่น 1/2 ช้อนชาในกระทะทองเหลือง ยกขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ใช้พายซิลิโคนคนอย่างต่อเนื่องให้ส่วนผสมทั้งหมดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน พอส่วนผสมเริ่มเดือดปุดๆ ก็ปิดไฟทันที เทอัลมอนด์ในถาดที่พักไว้ลงไปคลุกเคล้าให้ทั่วแล้วเทกลับคืนลงถาด ใช้พายเกลี่ยให้เรียบเสมอกัน นำเข้าเตาอบที่เปิดไฟทิ้งไว้ ปรับปุ่มเวลาเป็น 30 นาที   ป้าเจี๊ยบต้องคอยจับตามองเตาอบบ่อยๆ เพราะเคยทำคาราเมลสีเข้มจนขมเกินไป พอครบ 15 นาที ยกถาดออกมาหมุนแล้วใส่กลับเข้าไปอบต่ออีก คอยดูสีคาราเมลบริเวณขอบถาด ถ้าสีน้ำตาลเข้มพอแล้วรีบยกออกมาทันที วางถาดพักไว้จนเย็นสนิทก่อนใช้มือบิเป็นชิ้นๆ ใส่กล่องปิดฝาสนิท   เมื่อไปถึงร้านที่จัดงาน ป้าเจี๊ยบแบ่งอัลมอนด์คาราเมลเค็มใส่จานวางให้ทุกโต๊ะ ร่วมกับของกินเรียกน้ำย่อยอื่นๆ ส่วนที่เหลือในกล่องอีกครึ่ง ส่งให้เอมอรซึ่งเก็บใส่ถุงผ้าของตัวเองทันที แล้วหยิบกินจากในจาน หุหุ   เบรกแตกจริงๆ เพราะระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ถั่วตัดฝรั่งที่วางไว้หมดเกลี้ยง! ได้ยินเสียงถามว่ามีอีกมั้ย? เอมอรเงียบ... ป้าเจี๊ยบเลยต้องเงียบตาม ฮา! 

“งาขี้ม้อน!”   ป้าเจี๊ยบซื้อมา 2 ถุงค่ะ พอดีไปเที่ยวบ้านเหลืองเมืองพะเยาของป้าอี๊ดในช่วงเวลางาขี้ม้อนใหม่ๆ ออกมาวางขายในตลาด เห็นแล้วอดไม่ได้ เพราะมื้อเช้าทุกวันที่อยู่พะเยา ครูป้อม-สุกัญญา ณ ลำปาง หลานเจ้าบ้านจัดข้าวเหนียวคลุกงาขี้ม้อนให้กินกับอาหารพื้นเมืองนานาชนิดจนป้าเจี๊ยบแน่ใจว่าตัวเองไม่ขาดโอเมกา-3 และ 6 แคลเซียม วิตามินอี ฯลฯ อย่างแน่นอน อิอิ   กลับมากรุงเทพฯ งาขี้ม้อนยังอยู่ในถุงเพราะไม่ได้กินข้าวเหนียวอีกแล้ว ลืมไปจนกระทั่งป้าเจี๊ยบมีกิจกรรมร้องเพลงกับเพื่อนๆ ชาวจุฬาฯ ซึ่งงานนี้มีขนมกลีบลำดวนใส่งาขี้ม้อนแจกคนละกล่อง ป้าเจี๊ยบชิมแล้วไม่ติดใจจึงถือกลับไปฝากป้าอี๊ด ผ่านไป 2 วัน ป้าอี๊ดกินขนมหมดกล่อง!   ป้าเจี๊ยบว่าขนมกลีบลำดวนมีความคล้ายกับชอร์ตเบรดมาก ถ้าใส่งาขี้ม้อนเข้าไปน่าจะอร่อยกว่า ป้าเจี๊ยบไม่คิดมาก ลงมือทำทันที   เริ่มด้วยคั่วงาขี้ม้อน 20 กรัมด้วยไฟอ่อนๆ โดยใช้เทคนิคผสมงาขาวลงไป 4-5 เมล็ด ถ้างาขาวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ เมื่อไหร่ก็ตักงาขี้ม้อนออกมาวางพักไว้ หุหุ   ป้าเจี๊ยบตวงเนยแท้รสจืด (อุณหภูมิห้อง) 70 กรัมใส่ในชามผสม ใช้ตะกร้อมือตีจนเนียน แล้วร่อนน้ำตาลไอซิง 50 กรัมผ่านกระชอนลงไป ตีให้ส่วนผสมเข้ากัน เนื้อเบาฟู   จากนั้นร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ 90 กรัมผ่านกระชอนตามลงไป ใส่เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำกุหลาบ 1/4 ช้อนชา และงาขี้ม้อนคั่ว ใช้พายซิลิโคนคนอย่างเบามือให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นโดชอร์ตเบรด   ป้าเจี๊ยบตักโดมาห่อด้วยแผ่นฟิล์มถนอมอาหารโดยปั้นแน่นๆ ให้เป็นรูปทรงกระบอกเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 1/2 นิ้ว แล้วนำไปแช่ตู้เย็นไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อให้โดทรงตัวอยู่เวลาตัดเป็นชิ้นๆ   เมื่อได้เวลาป้าเจี๊ยบนำโดออกมาตัดด้วยมีดเป็นชิ้นๆ ความหนาประมาณ 1/4 นิ้ว วางเรียงในถาดอบ แล้วนำเข้าเตาอบที่ตั้งปุ่มความร้อนไว้ที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส หรือ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 15 นาที   ติ๊ง! ป้าเจี๊ยบนำชอร์ตเบรดออกจากถาดมาวางผึ่งบนตะแกรง ขอชิมตอนร้อนๆ ก่อนสักชิ้น รสชาติถูกปากกว่ากลีบลำดวนเยอะเล้ยยย พอเย็นสนิท ชิมอีกชิ้น อีกชิ้น และอีกชิ้นก่อนใส่กล่องปิดฝาสนิทวางไว้บนโต๊ะ   เอิ่ม...สองป้าจัดการชอร์ตเบรดงาขี้ม้อนหมดภายในวันเดียว ฮา!

“ร้อนๆ อย่างนี้ กินแตงโมกันนะ”   ป้าอี๊ด-พวงพยอม ณ ลำปาง สหายร่วมบ้าน อุ้มแตงโมมาให้หนึ่งลูก ผ่านไป 2 วัน แตงโมยังวางอยู่ที่เดิม เพราะหลานยาย เด็กชายพีแคนซึ่งชอบกินแตงโมมากๆ ไปอยู่กับอาม่าอากงที่สุรินทร์ซะแล้ว ป้าอี๊ดเห็นเข้าก็เตือนว่ากินซะทีสิ นานไปไส้จะล้ม!   กินจ้ากิน...ป้าเจี๊ยบจัดการผ่าแตงโมออกเป็น 2 ซีก ซีกหนึ่งหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ กินกันคนละสองสามชิ้นก่อนใส่กล่องส่งเข้าตู้เย็น หวานชื่นใจค่ะ    แตงโมอีกซีกป้าเจี๊ยบหั่นใส่เครื่องปั่นแล้วกรองทิ้งกาก เอาแต่น้ำแตงโมใส่ขวด เก็บในตู้เย็นเช่นกัน คิดว่าจะเอาไว้ทำเครื่องดื่มแบบผสมกับน้ำผลไม้อย่างอื่น     แต่พอนั่งพักดูทีวี เปิดเจอสารคดีเกี่ยวซิกับเกาะซิซิลีของอิตาลี นึกถึง Gelo di Melone ขนมประจำเมือง Palermo ขึ้นมาเลย อะฮ้า! เอาน้ำแตงโมมาทำพุดดิงซิซิลีดีกว่า   ทันทีค่ะ...จัดการหยิบถ้วยแก้วขนาดบรรจุ 100 มิลลิลิตรมาวางเตรียมไว้ 2 ใบ สำหรับตัวเองและเจ้าของแตงโม...ฮา!   ตรงเข้าครัวตวงแป้งข้าวโพด 5 กรัม ใส่ลงในถ้วยน้ำแตงโม 40 กรัม ใช้ช้อนคนๆ ให้เข้ากัน แล้วเทผ่านกระชอนลงไปในหม้อเคลือบที่มีน้ำแตงโม 200 กรัม ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใช้ตะกร้อมือคนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมเดือดปุดๆ และข้นขึ้น   ป้าเจี๊ยบยกหม้อออกจากเตา ใส่น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะ เกลือหยิบมือ คนให้เข้ากันดี นำกลับไปตั้งไฟอีกครั้ง คนอย่างต่อเนื่องจนเดือดประมาณ 2-3 นาที  ยกลงมาตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ วางพักให้คลายร้อน ใช้ฟิล์มถนอมอาหารปิดปากถ้วย นำไปแช่เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ     น้ำแตงโมยังเหลืออีก ทำขนมง่ายๆ ที่ใช้ส่วนผสมใกล้เคียงกันเพิ่มอีกสักอย่าง ภาพขนม Turkish Delight ของหวานประจำชาติตุรกี (ทูร์เคีย) ชิ้นสี่เหลี่ยมสีแดงๆ แวบขึ้นมาทันที เอาน้ำแตงโมมาทำเจลลีคล้ายเตอร์กิชดีไลต์ แต่ไม่หวานมากอย่างต้นตำรับ ไว้กินกับน้ำชาสักหน่อยเป็นดีงาม   จัดแจงหยิบกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมขนาด 5×5 นิ้วออกมา ใช้แปรงทาด้านในด้วยน้ำมันมะพร้าวบางๆ วางเตรียมไว้   หม้อแรกทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำแตงโม 60 กรัม กับน้ำตาลทราย 80 กรัม ใช้ตะกร้อมือคนให้น้ำตาลละลาย ยกขึ้นตั้งบนเตาที่เปิดไฟปานกลาง พอเดือดก็เคี่ยวต่อประมาณ 5 นาทีให้ข้น แล้วยกออกมาพักไว้   จากนั้นผสมแป้งข้าวโพด 30 กรัม กับน้ำแตงโม 250 กรัม คนให้เข้ากัน เทผ่านกระชอนลงในหม้อใบที่สอง  ตามด้วยหัวน้ำกุหลาบ 1/2 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ยกขึ้นตั้งบนเตาที่เปิดไฟปานกลาง ใช้ตะกร้อมือคนอย่างต่อเนื่อง พอส่วนผสมข้นเทน้ำเชื่อมในหม้อแรกลงไป คนต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาทีจนส่วนผสมข้นและใส ยกมาเทลงในกล่องที่เตรียมไว้ทันที กระแทกกล่องกับเคาน์เตอร์จนส่วนผสมเรียบเสมอกัน พักให้คลายร้อน แล้วนำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง     เมื่อพร้อมกินป้าเจี๊ยบจัดเครื่องแต่งหน้าให้แตงโมดีไลต์ทั้ง 2 ด้วยค่ะ   แตงโมดีไลต์สไตล์อิตาเลียน แต่งด้วยถั่วพิสตาชิโอสับหยาบๆ และดาร์กช็อกโกแลต 70% ขูดเป็นเกล็ดเล็กๆ ส่วนแตงโมดีไลต์สไตล์เตอร์กิช นำออกมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 1 นิ้วแล้วคลุกกับถั่วพิสตาชิโอสับค่อนข้างป่นผสมเกลือหิมาลัย   คิวซีป้าอี๊ดชอบทั้งสองดีไลต์ค่ะ แต่เอียงไปทางอิตาเลียนมากกว่า เอิ่ม...เป็นเพราะเหล้ารัมรึเปล่านะ อิอิ

ชวนเข้าครัวรังสรรค์เมนูน่ารักไว้กินช่วงสุดสัปดาห์ ขนมปังห่อไส้กรอกรูปปลาหมึกทำง่าย กินได้ทุกเพศทุกวัย   ส่วนผสม แป้งขนมปัง 250 กรัม ผงยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา นมสด 3/4 ถ้วย เนยสดชนิดเค็ม 50 กรัม ไส้กรอกชิ้นยาว 3 นิ้ว 15 ชิ้น วิธีทำ ผสมแป้งขนมปัง ยีสต์ น้ำตาลทราย และเกลือเข้าด้วยกัน ใส่นมสด นวดพอเข้ากัน ใส่เนยสด นวดให้เข้ากันจนแป้งเนียนนุ่ม พักแป้งไว้ 1 ชั่วโมงให้ขึ้นเป็น 2 เท่า ตัดแป้งเป็นก้อนกลม ก้อนละ 30 กรัม พักไว้ 30 นาที นำแต่ละก้อนมารีดให้เป็นแผ่น วางไส้กรอกให้อยู่บนแผ่นแป้งประมาณครึ่งชิ้นแล้วม้วน หั่นไส้กรอกส่วนนอกแป้งให้เป็นเส้น เรียงใส่ถาด พักแป้งไว้อีก 15 นาที ให้ขึ้น ทาแป้งขนมปังด้วยนมสดให้ทั่ว โรยเกล็ดขนมปังป่น นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 15-20 นาทีจนสุกเหลือง ตกแต่งด้วยน้ำตาลลูกตา

ทำแบบง่ายๆ เสร็จภายใน 8-9 นาที ใช้กระทะผัดทอดธรรมดาแต่ควรจะหนาหน่อยค่ะ ไม่ต้องใช้เตาอบ   ส่วนผสม คอร์นเฟล็กส์ 100 กรัม น้ำตาลทราย 50 กรัม ดอกเกลือ 1/4 ช้อนชา เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ใส่ทุกอย่างลงในกระทะยกเว้นคอร์นเฟล็กส์ เคี่ยวไฟกลางๆ จนน้ำตาลละลายหมด เปลี่ยนเป็นไฟอ่อนสุด หยุดคนและปล่อยให้เดือด แต่หมุนกระทะบ้าง รอจนฟองมีขนาดเท่ากัน (ประมาณ 1 นาทีกว่าๆ ถึง 2 นาที) ใส่คอร์นเฟล็กส์ลงไปคลุก ไฟอ่อนสุด ใช้ตะหลิว 2 อันคลุกเบาๆ ให้น้ำตาลเคลือบอย่างทั่วถึง คลุกคอร์นเฟล็กส์ฉาบตลอดเวลา กลับมากลับไปด้วยไฟอ่อนสุดจนเริ่มมีควันและน้ำตาลเริ่มเปลี่ยนสี (ประมาณ 6-7 นาที) นำมาเทใส่ถาด แยกคอร์นเฟล็กส์อย่าให้เกาะติดกัน ต้องรีบทำขณะที่ร้อนก่อนที่น้ำตาลจะเย็นตัว ตอนที่คอร์นเฟล็กส์อุ่นนิดๆ สามารถเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท รับรองว่ากินหมดก่อนหนืด

ซาลาเปาสีสวยแป้งนุ่มนิ่ม สอดไส้มันม่วงหอมหวานมาแบบจัดเต็ม อิ่มอร่อยลูกเดียวไม่พอ   ส่วนผสมแป้งเชื้อ แป้งเค้ก 100 กรัม ยีสต์ 1 1/2 ช้อนชา น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย ส่วนผสมแป้งโด แป้งเค้ก 150 กรัม มันม่วงนึ่งสุก 150 กรัม      ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ เนยขาว 50 กรัม แป้งเชื้อที่ผสมไว้ ไส้มันม่วงกวน วิธีทำ ทำแป้งเชื้อโดยผสมน้ำเปล่ากับยีสต์ คนให้เข้ากัน ใส่แป้งเค้ก ผสมให้เข้ากัน ใส่แป้งเค้กจากส่วนผสมแป้งโดลงในแป้งเชื้อ ใส่น้ำตาลทราย เกลือ ผงฟู และน้ำเปล่า ผสมให้พอเข้ากัน ใส่มันม่วง ผสมต่อพอเข้ากัน เติมเนยขาว นวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 1 ชั่วโมง นำแป้งมาตัดแบ่งเป็นก้อนละ 30 กรัม คลึงแป้งเป็นก้อนกลม พักไว้ นำแป้งแต่ละก้อนมาแผ่ออก ใส่ไส้มันม่วง รวบแป้งให้สวยงาม วางบนกระดาษ พักแป้งไว้ 15 นาที นำไปนึ่งในน้ำเดือด เวลา 15 นาทีให้สุก

เมนูสตรีทฟู้ดขึ้นชื่อของอินเดีย เพิ่มเนื้อสัมผัสให้สนุกยิ่งขึ้นโดยใส่มันฝรั่งบดผสมเครื่องเทศ กินคู่กับน้ำมะขามและน้ำผักชีเย็นๆ อร่อยเข้ากัน   ส่วนผสมและวิธีทำน้ำผักชี ผักชี 1 ถ้วย | ใบสะระแหน่ 1/4 ถ้วย | พริกชี้ฟ้าเขียวหั่น 1 เม็ด | ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำเย็นจัด 250 มิลลิลิตร | ผงยี่หร่า 1 ช้อนชา | เกลือ 1 ช้อนชา | ผงการัมมาซาลา 1 ช้อนชา | น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำแข็ง 1/4 ถ้วย ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรส คลุมด้วยแร็ป นำไปแช่ในตู้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำน้ำมะขาม เนื้อมะขาม 1/2 ถ้วย | น้ำอุ่น 1 ถ้วย | น้ำเย็นจัด 250 มิลลิลิตร | เกลือ 1 ช้อนชา | ผงการัมมาซาลา 1 ช้อนชา คั้นเนื้อมะขามกับน้ำอุ่น กรองเอาเอาแต่น้ำแล้วผสมกับน้ำเย็นจัด ใส่เกลือ และผงการัมมาซาลา คลุมด้วยแร็ป นำไปแช่ในตู้เย็น Note : ใช้น้ำแข็งปั่นกับผักชีจะทำให้ซอสมีสีเขียวสวย ส่วนผสมไส้ (สำหรับ 2-4 ที่) มันฝรั่งปอกเปลือกหั่นชิ้นใหญ่ 2 หัว | ครีม 3/4 ถ้วย | เกลือ 1 ช้อนชา | ผงยี่หร่า 2 ช้อนชา | ผงการัมมาซาลา 2 ช้อนชา | ผงพริกปาปริกา 1/2 ช้อนชา | ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ | หอมแขกหั่นเต๋า 3/4 ถ้วย | เนื้อมะเขือเทศ (ไม่เอาเมล็ด) 3/4 ถ้วย | ฟักทองต้มสุกหั่นเต๋า 3/4 ถ้วย | มันฝรั่งทอดกรอบอินเดีย (Indian Spicy Potato Noodle) ตามชอบ | ปานีปูรีสำเร็จรูป | น้ำมันสำหรับทอด | ผงพริกปาปริกาสำหรับตกแต่งเล็กน้อย   วิธีทำ ต้มมันฝรั่งจนสุก บดให้เนื้อเนียนละเอียด ใส่ครีม ปรุงรสด้วยเกลือ ผงยี่หร่า ผงการัมมาซาลา และผงพริกปาปริกา คลุกส่วนผสมให้พอเข้ากัน ชิมรส ตักใส่ถุงบีบ เตรียมไว้ ตั้งหม้อใบเล็กใส่น้ำมันใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ใส่ปานีปูรีลงทอด ค่อยๆ ใช้กระชอนกลิ้งให้สุกเหลืองทั่ว ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น ค่อยๆ ตัดส่วนบนออกประมาณ 1/3 ของลูก บีบมันฝรั่งใส่ปานีปูรี วางหอมแขก เนื้อมะเขือเทศ ฟักทอง และผงพริกปาปริกา ตกแต่งด้วยมันฝรั่งทอดกรอบอินเดีย และผักชีเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมกับน้ำผักชีและน้ำมะขาม

ขนมปังกรอบ หอมฟุ้งด้วยกลิ่นเนยและกระเทียมจับคู่กับชาหรือกาแฟเข้ากันดีเป็นที่สุด   ส่วนผสม กระเทียมสับละเอียด 1/4 ถ้วย เนยสดเค็ม 150 กรัม น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 75 กรัม พาร์สลีย์สับละเอียด 2 ช้อนชา เกลือป่นเล็กน้อย ขนมปังกะโหลกจิ๋ว วิธีทำ เรียงขนมปังกะโหลกจิ๋วบนตะแกรง นำไปตากให้แห้ง ผสมเนยสด กระเทียม น้ำตาลและเกลือ คนให้เข้ากัน ใส่พาร์สลีย์สับ ผสมให้เข้ากัน ทาส่วนผสมเนยกระเทียมบนขนมปัง เรียงใส่ถาด นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 155 องศาเซลเซียส เวลา 12-15 นาที ใหห้เหลืองกรอบ พักไว้ให้เย็น จัดใส่ขวดโหลหรือภาชนะที่มีฝาปิด

ชูซ์ครีมเมนูนี้เป็นรสชาติเรดเวลเวต ผิวนอกเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ แตกเป็นลายสวย สอดไส้ครีมชีสรสชาตินวลและได้รสเปรี้ยวอ่อนๆ เพิ่มความสดชื่นด้วยแยมราสป์เบอร์รี กินคู่กับชาดีๆ อร่อยอย่างลงตัว   ส่วนผสมและวิธีทำแครกคาแรง (Craquelin) แป้งขนมปัง 75 กรัม | น้ำตาลทราย 75 กรัม | เนยจืด 55 กรัม ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนเป็นแป้งโด รีดให้เป็นแผ่นบาง ปิดด้วยกระดาษไข พักไว้ในตู้เย็นให้แข็งตัว กดด้วยพิมพ์วงกลมขนาด 2 นิ้ว แล้วนำไปแช่ในตู้เย็น เตรียมไว้ ส่วนผสมแป้งชูซ์ (สำหรับ 10-12 ชิ้น) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 160 กรัม น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา เกลือ 1/4 ช้อนชา เนยจืด 110 กรัม ไข่ไก่ 3 ฟอง น้ำเปล่า 260 กรัม สีผสมอาหารสีแดง 2-3 หยด วิธีทำ ผสมแป้งกับน้ำตาลทราย สีผสมอาหาร และเกลือเข้าด้วยกัน ต้มน้ำเปล่ากับเนยในหม้อใบใหญ่ให้พอเดือด ใส่แป้งที่เตรียมไว้ ผัดต่อจนแป้งสุกเป็นก้อน (เมื่อเห็นคราบแป้งสุกติดหม้อแสดงว่าแป้งใช้ได้) ตักใส่เครื่องตี ตีด้วยหัวใบไม้ (Paddle) ให้หายร้อนเล็กน้อยประมาณ 1 นาที ค่อยๆ ใส่ไข่ทีละฟองจนหมด ตักใส่ถุงบีบพร้อมหัวบีบ เตรียมไว้ บีบใส่ถาดที่รองด้วยกระดาษไขให้ได้ขนาด 1.25 นิ้ว ปิดด้วยแผ่นแครกคาแรง นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นาน 20 นาทีหรือจนแป้งสุก พักไว้บนตะแกรงให้หายร้อน ส่วนผสมและวิธีทำแยมราสป์เบอร์รี ราสป์เบอร์รีสด 1 ถ้วย | น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย | น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย | น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ | ผิวเลมอน 2 ช้อนชา เคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดในหม้อใบเล็กจนข้น พักให้เย็นแล้วตักใส่ถุงบีบ เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำครีมชีส ไข่แดง 3 ฟอง | น้ำตาลทราย 1 ถ้วย | ครีมชีสเนื้อนุ่มหั่นเต๋า 1 1/2 ถ้วย  | วิปปิงครีม 2 ถ้วย | กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา | แยมราสป์เบอร์รีสำหรับสอดไส้ | เรดเคอร์เรนต์สำหรับตกแต่ง ตีน้ำตาลทรายกับไข่แดงด้วยเครื่องตีผสมจนสีอ่อนและน้ำตาลละลายเล็กน้อย ใส่ครีมชีสแล้วตีต่อจนเนื้อเนียน ใส่กลิ่นวานิลลา วิปปิงครีม ตีจนตั้งยอดปานกลาง ใส่ถุงบีบพร้อมหัวบีบ พักไว้ วิธีประกอบขนม หั่นแป้งชูซ์ 1/4 ของชิ้น นำส่วนฝากดด้วยพิมพ์วงกลมเล็ก พักไว้ บีบครีมชีสใส่แป้งชูซ์ ใส่แยมราสป์เบอร์รี ประกบด้วยฝาแป้งชูซ์ บีบครีมชีสเล็กน้อยบนหน้าแล้วตกแต่งด้วยเรดเคอร์เรนต์สดให้สวยงาม

เมนูสตรีทฟู้ดของอิตาเลียนที่ชื่อเพี้ยนเสียงมาจาก “Surprise” ใช้ข้าวอิตาเลียนคั่วกับเนยจนหอม นำไปตุ๋นกับซอสเนื้อรสเข้มข้น หอมกลิ่นมะเขือเทศอ่อนๆ ทอดจนสีเหลืองสวย ผิวนอกกรอบและด้านในมีชีสเยิ้มๆ ส่วนผสมซอสเนื้อมะเขือเทศ (สำหรับ 1 ที่) เนื้อวัวส่วนซี่โครง (Short Ribs) 100 กรัม | กระเทียม 1 กลีบ | ใบกระวาน 1 ใบ | เนย 20 กรัม | มะเขือเทศปอกเปลือก 250 กรัม | เกลือทะเลและพริกไทยสำหรับปรุงรส   วิธีทำ ย่างเนื้อกับเนยและกระเทียมบนกระทะให้มีสีน้ำตาลสวย ใส่เนื้อมะเขือเทศและใบกระวาน ตุ๋นให้เนื้อนุ่มและเปื่อย (สามารถใช้ส้อมจิ้มได้) ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบแล้วปิดไฟ ส่วนผสมข้าว ข้าวคาร์นาโรลี (Carnaroli Rice) 80 กรัม | ชีส Parmigiano Reggiano (บ่ม 24 เดือน) 20 กรัม | เนย 30 กรัม | ดรายไวต์ไวน์ (Dry White Wine) 20 มิลลิลิตร | เกลือทะเลและพริกไทยตามชอบ | ชีส Fior di latte Mozzarella 20-30 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 50 กรัม | น้ำเปล่าเล็กน้อย | เกล็ดขนมปังหยาบ 200 กรัม | น้ำมันถั่วลิสง 500 มิลลิลิตร สำหรับทอด   วิธีทำ คั่วข้าวกับเนยเล็กน้อยให้พอหอม ในหม้อใบเล็กใส่ไวต์ไวน์และน้ำเปล่าแล้วต้มให้เดือดสักครู่ ใส่ข้าวที่ผัดไว้ ค่อยๆ เติมน้ำทีละนิดแล้วผัดให้ข้าวพอสุก เติมซอสเนื้อที่เตรียมไว้ ใส่เนยกับชีส Parmigiano Reggiano ผัดต่อสักครู่ ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสแล้วปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ตักข้าวที่เย็นแล้ว ค่อยๆ ใช้มือที่เปียกหมาดๆ ปั้นให้เป็นก้อนทรงรักบี้ กดให้แบน ใส่ชีสมอซซาเรลลาที่ตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมตรงกลาง ห่อข้าวให้มิด ทำแป้งชุบทอดโดยผสมแป้งกับน้ำเปล่าเล็กน้อย (พอให้แป้งเคลือบข้าวได้) นำข้าวปั้นลงชุบแป้งแล้วคลุกเกล็ดขนมปังจนทั่ว พักไว้ อุ่นน้ำมันให้ได้อุณหภูมิ 165-170 องศาเซลเซียส นำข้าวลงทอดให้ผิวนอกกรอบสีเหลืองสวย ชีสด้านในจะเยิ้ม

ช่วงนี้ขนมปังจิ๋วมาแรงไม่ไหว G&C ก็ไม่รอช้าแจกสูตรให้ลูกเพจนำไปทำตามทำขายกันเลย   ส่วนผสมขนมปัง แป้งขนมปัง 1 ถ้วย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย น้ำตาลเบเกอรี่ 2 ช้อนโต๊ะ ยีสต์ผง 2 1/4 ช้อนชา เกลือป่น 1/8 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำอุ่น 1/3 ถ้วย เนยสดเค็ม 3 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมสังขยาใบเตย ไข่แดง 2 ฟอง น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย น้ำใบเตย 1/2 ถ้วย เกลือ 1/4 ช้อนชา แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วย กะทิ 2/3 ถ้วย วิธีทำ ผสมแป้งขนมปัง แป้งสาลี น้ำตาล ยีสต์ และเกลือ คนให้เข้ากัน ผสมไข่ไก่กับน้ำอุ่นให้เข้ากัน เทใส่ส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากัน ใส่เนย นวดให้เข้ากันจนแป้งเนียน พักแป้งไว้ 1 ชั่วโมงจนขึ้นเป็น 2 เท่า ขณะพักแป้งขนมปัง ทำสังขยาโดยผสมไข่แดง น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพด คนให้เข้ากัน ใส่น้ำใบเตย และกะทิ คนต่อให้เข้ากัน ตุ๋นสังขยาบนน้ำร้อน คนเรื่อยๆ จนส่วนผสมสุกข้น ยกลง พักไว้ นำแป้งขนมปังที่พักได้ที่แล้วมาไล่อากาศ แบ่งเป็นก้อนละ 15 กรัม คลึงเป็นก้อนรีๆ เรียงใส่ถาดอบ พักแป้งไว้ 10 นาทีจนแป้งขึ้นฟู ทาหน้าขนมปังด้วยนมสด นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาทีจนสุก ทาหน้าขนมปังด้วยเนยสด พักไว้ จัดเสิร์ฟโดยผ่าขนมปังตามยาว ตักสังขยาใส่ตรงกลาง ใส่จานเสิร์ฟ

ของกินเล่นทำง่ายจากแป้งเปาะเปี๊ยะ สอดไส้ทูน่าไข่และชีส ทอดจนเหลืองกรอบ กินเพลินๆ   ส่วนผสม ปลาทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ 1 กระป๋อง ไข่ไก่เบอร์สาม 2 ฟอง แครอตสับ 1/4 ถ้วย หอมหัวใหญ่สับ 1/4 ถ้วย ต้นหอมซอย 1 ต้น แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ ชีสมอซซาเรลลาขูด 1/4 ถ้วย แป้งเปาะเปี๊ยะ น้ำมันสำหรับทอด วิธีทำ เทน้ำแร่ออกจากเนื้อปลาทูน่า ใส่ชามผสมไว้ ใส่แครอต หอมหัวใหญ่ ต้นหอมซอย แป้งข้าวโพด ผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่ไก่และชีส คลุกให้เข้ากัน ตัดแป้งเปาะเปี๊ยะให้เป็นแผ่นขนาด 3×8 นิ้ว แผ่แป้งเปาะเปี๊ยะ ใส่ส่วนผสมทูน่าแล้วม้วนให้แน่น ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่เปาะเปี๊ยะลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

ส่วนผสมส่วนฐาน (สำหรับ 10 ชิ้น) อัลมอนด์ 1 ถ้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วย วอลนัต 1/2 ถ้วย แมกคาเดเมีย 1/2 ถ้วย เกล็ดมะพร้าวอบแห้ง 1 ถ้วย ผงมาคา (Maca Powder) 2 ช้อนโต๊ะ ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ เนื้ออินทผลัมแช่น้ำจนนิ่ม 1 ถ้วย เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ นมอัลมอนด์ 2-3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น (ยกเว้นนมอัลมอนด์) ปั่นให้พอเข้ากัน จากนั้นค่อยๆ ใส่นมอัลมอนด์ ปั่นต่อให้ส่วนผสมพอเข้ากัน  ตักใส่ถาดที่รองด้วยกระดาษไข นำไปแช่ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว ส่วนผสมบนหน้า ราสป์เบอร์รีแช่แข็ง 2 ถ้วย ผงอาซาอิ (Acai Powder) 2 ช้อนโต๊ะ เมเปิลไซรัป 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ เกล็ดมะพร้าวอบแห้ง 3/4 ถ้วย เมล็ดเจีย 1/4 ถ้วย เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1/2 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ถั่วและธัญพืชสำหรับตกแต่งตามชอบ วิธีทำ ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนเนื้อเนียนและข้นขึ้นเล็กน้อย  เทใส่บนหน้าถั่ว (ส่วนฐาน) ใช้สปาตูลาเกลี่ยให้เรียบ ตกแต่งด้วยถั่วและเมล็ดธัญพืชต่างๆ ให้สวยงาม นำไปแช่ช่องแช่แข็งนาน 2 ชั่วโมง หรือจนเซ็ตตัว ตัดให้เป็นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟทันที

ส่วนผสม (สำหรับ 10-12 ชิ้น) อินทผลัมแกะเม็ด 1 ถ้วย เมเปิลไซรัป 2 ช้อนโต๊ะ ข้าวโอ๊ตบดหยาบ 1/2 ถ้วย กล้วยตากหั่นเต๋า 1/2 ถ้วย พิสตาชิโอ 1/2 ถ้วย ควินัวพัฟส์ 1/3 ถ้วย อัลมอนด์ 1/2 ถ้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1/2 ถ้วย พิสตาชิโอสับ 1/2 ถ้วย      วิธีทำ แช่เนื้ออินทผลัมในน้ำอุ่นประมาณ 30 นาที พักไว้จนเนื้อนิ่ม ปั่นเนื้ออินทผลัมและกล้วยตากกับเมเปิลไซรัปพอหยาบ ใส่ข้าวโอ๊ต ปั่นต่อสักครู่ ใส่ถั่วต่างๆ และเมล็ดควินัวพัฟส์ คลุกให้พอเข้ากัน ตักใส่ถาดที่รองด้วยกระดาษไข นำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงจนเซ็ตตัว ตัดเสิร์ฟให้เป็นชิ้นขนาดตามชอบ

ส่วนผสม (สำหรับ 10-12 ชิ้น) แอปริคอตแห้ง 200 กรัม เมเปิลไซรัป 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะพร้าว 100 กรัม ข้าวโอ๊ต 200 กรัม ขิงขูด 2 ช้อนโต๊ะ เฮเซลนัตสับ 60 กรัม พิสตาชิโอสับ 60 กรัม เมล็ดฟักทอง 45 กรัม  ดาร์กช็อกโกแลต (ละลาย) 80 กรัม วิธีทำ ปั่นแอปริคอต เมเปิลไซรัป และน้ำมันมะพร้าวให้พอหยาบ ใส่ข้าวโอ๊ตและขิงขูด ปั่นต่อสักครู่พอเข้ากัน เทใส่ชามผสม ใส่เฮเซลนัต พิสตาชิโอ และเมล็ดฟักทอง คลุกผสมให้ทั่ว ตักใส่ถาดสี่เหลี่ยมขนาด 8×8 นิ้วที่รองด้วยกระดาษไข เกลี่ยแล้วกดให้แน่นจนทั่ว ตกแต่งด้วยแอปริคอตและถั่วต่างๆ แช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงจนเซ็ตตัว นำออกจากตู้เย็น ตัดให้เป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า เคลือบส่วนปลายขนมด้วยดาร์กช็อกโกแลตละลาย แช่ในตู้เย็นไว้จนช็อกโกแลตเซ็ตตัว จัดใส่จานเสิร์ฟ

ของกินเล่นที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสตูล ไส้ทำจากเนื้อปลานำมาผัดปรุงรสจนแห้ง ห่อกับแป้งเปาะเปี๊ยะด้วยการผูกให้เป็นปม นำไปทอดจนเหลืองกรอบ   ส่วนผสม ปลาทูนึ่งแกะเอาแต่เนื้อ 2 ตัว เครื่องพริกแกงเผ็ด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับผัด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะ น้ำมันสำหรับทอด วิธีทำ เตรียมไส้ปลาโดยผัดเครื่องพริกแกงเผ็ดกับน้ำมันให้หอม ใส่เนื้อปลาทู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่า ผัดให้เข้ากันจนส่วนผสมแห้งล่อนออกจากกระทะ พักไว้ ตัดแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะให้มีขนาด 3.5×8 เซนติเมตร ใส่ไส้ปลาผัดตรงกลางเล็กน้อย พับแล้วผูกเป็นปม ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ขนมผูกรักลงทอดให้สุกเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน 

ชวนทำเมนูกินเล่นจากเฟรนช์ฟรายส์ หอมมันด้วยชีสและวิปปิงครีม อร่อยเพลินได้ทุกวัน   ส่วนผสม ชีสเชดดาร์ขูด 1/2 ถ้วย ชีสมอซซาเรลลาขูด 1/2 ถ้วย เบคอนทอดกรอบ 1/2 ถ้วย ต้นหอมซอย 1 ต้น ไข่ไก่ 2 ฟอง วิปปิงครีม 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา เฟรนช์ฟรายส์ตามชอบ วิธีทำ เตรียมส่วนผสมไข่โดยผสมไข่ไก่กับวิปปิงครีม ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย คนให้เข้ากัน พักไว้ ตัดและเรียงเฟรนช์ฟรายส์รอบๆ ถาดพิมพ์มัฟฟิน และใส่เฟรนช์ฟรายส์หั่นเต๋า   ใส่ชีสและเบคอนโดยใส่สลับชั้นกันให้เต็ม ใส่ส่วนผสมไข่ โรยต้นหอม นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาทีจนส่วนผสมสุก   นำเฟรนช์ฟรายส์ออกจากพิมพ์ จัดใส่จานเสิร์ฟกับซอสตามชอบ

เบือทอด สูตรนี้ดัดแปลงจากหญ้าช้องมาใช้เป็นใบชะพลูที่หาได้ง่ายกว่า ความกรอบของแป้งมาจากส่วนผสมของแป้งข้าวเจ้าและน้ำปูนใส ปกติจะใช้กุ้งฝอย แต่ปัจจุบันหาซื้อยาก จึงปรับมาใช้เป็นกุ้งขาวตัวเล็กแทน   ส่วนผสม ใบชะพลู 20 ใบ กุ้งขาว 20 ตัว แป้งข้าวเจ้า 85 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 35 กรัม พริกแกงใต้ 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปูนใส 100 มิลลิลิตร น้ำสะอาด 65 มิลลิลิตร ใบมะกรูด (ซอย) 5 ใบ น้ำมันพืชสำหรับทอด น้ำจิ้ม   น้ำจิ้มไก่ 1/2 ถ้วย ผักชี 2 ช้อนโต๊ะ พริกจินดา 1 เม็ด ถั่วลิสง (คั่ว) สำหรับเสิร์ฟ พริกชี้ฟ้า (ซอย) สำหรับเสิร์ฟ  วิธีทำ ละลายแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี พริกแกงใต้ น้ำตาลทราย และน้ำปลากับน้ำสะอาด ค่อยๆ ใส่น้ำปูนใสตามลงไป พัก 10 นาที ตั้งน้ำมันสำหรับทอดที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใส่ใบมะกรูดซอยลงในแป้งชุบทอด นำใบชะพลูลงชุบในแป้งบางๆ ใส่ลงในน้ำมัน ชุบกุ้งในแป้งแล้ววางลงบนใบชะพลู สักครู่ก็พลิกกลับด้าน ทอดให้สุกและกรอบดี สะเด็ดน้ำมัน พักไว้ ปั่นน้ำจิ้มไก่กับผักชีและพริกจินดา จัดเสิร์ฟเบือ โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้า รับประทานกับน้ำจิ้ม โรยหน้าด้วยถั่วลิสง