เปาะเปี๊ยะเวียดนามแป้งบางเหนียวนุ่ม สอดไส้หมูสับรสเข้มข้น ชุ่มฉ่ำ อร่อยทำง่าย กินเพลิน   ส่วนผสม เนื้อหมูบด 250  กรัม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา น้ำมันงา 1  ช้อนชา กระเทียมสับ  1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย  1 1/2 ช้อนชา ต้นหอมซอย 1 ต้น แป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนาม วิธีทำ สับเนื้อหมูกับกระเทียมเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่ชามไว้ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทย น้ำตาล น้ำมันงา และต้นหอมซอย คลุกให้เข้ากัน นำแป้งเปาะเปี๊ยะแช่น้ำพอนิ่ม วางบนจาน ใส่ส่วนผสมหมูสับ ห่อให้สวยงาม ทาน้ำมันที่จานสำหรับนึ่ง เรียงเกี๊ยวหมู นึ่งในน้ำเดือดไฟแรงจนสุก จัดใส่จาน เสิร์ฟกับซอสเปรี้ยว

  เปลี่ยนซาลาเปาหมูสับ ติ่มซำยอดนิยมแบบธรรมดา ที่เคยพบเห็นให้แปลกใหม่ยิ่งขึ้น ด้วยวิธีการทอดน้ำ ตัวแป้งจะเหนียวนุ่ม หนึบหนับและกรอบเล็กน้อย อร่อยถูกปากคนทุกวัยแน่นอน   ส่วนผสมแป้ง แป้งสาลีอเนกประสงค์  2 ถ้วย แป้งเค้ก 1 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผงฟู 1 ช้อนชา ผงยีสต์ 1 1/2 ช้อนชา น้ำอุ่น 1 ถ้วย น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมไส้ เนื้อหมูสับ 500 กรัม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น  1/4 ช้อนชา ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมและผักชีซอย 1/4 ถ้วย วิธีทำ ทำแป้งซาลาเปาโดยผสมแป้งสาลี แป้งเค้ก น้ำตาล เกลือ ผงฟู และผงยีสต์ คนให้เข้ากัน ใส่น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมัน ผสมให้เข้ากันเป็นก้อน พักแป้งไว้ 30-45 นาที ผสมหมูสับ ซีอิ๊วขาว เกลือ ซอสหอยนางรม น้ำมันงา น้ำตาล  และแป้งข้าวโพด ผสมให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมและผักชีซอย คลุกรวมกัน แช่เย็นไว้ นวดแป้งเพื่อไล่อากาศ ตัดแบ่งเป็นก้อน ก้อนละ 40-50 กรัม คลึงแป้งเป็นก้อนกลม พักไว้ 10 นาทีจนแป้งขึ้นอีกครั้ง นำแป้งมาแผ่เป็นแผ่น ตักไส้หมูสับใส่ หุ้มแป้งให้มิด กดให้แบนเล็กน้อย พักไว้ ตั้งกระทะโดยใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย เรียงซาลาเปา ทอดให้เหลือง กลับอีกด้านลงทอดสักครู่ เติมน้ำเล็กน้อย ปิดฝาทอดต่อจนเหลือง จัดใส่จาน 

  สีสันสดใสของหน้าแซนด์วิชเป็นอีกหนึ่งความสนุกรับซัมเมอร์ได้ดี แซนด์วิชหน้าเปิดเป็นเมนูที่กินง่ายได้ทุกมื้อ หน้าแซนด์วิชทำได้หลากหลายตามใจชอบ ลองดูจากไอเดียเหล่านี้ได้เลย   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ขนมปังฝรั่งเศส หรือขนมปังฟาร์มเมอร์เบรดสไลซ์ นำมาปิ้งปริมาณตามชอบ เนยจืดเล็กน้อย ส่วนผสมหน้าที่ 1 แซลมอนรมควัน ผักชีลาว เคเปอร์ ครีมชีสสเปรด เลมอนสไลซ์   พริกไทยดำ ส่วนผสมหน้าที่ 2 สตรอว์เบอร์รีสไลซ์ เฮเซลนัตสเปรด ไพน์นัตอบ น้ำผึ้ง สะระแหน่ ส่วนผสมหน้าที่ 3 ไข่ต้ม มายองเนสผสมมัสตาร์ด มะเขือเทศเชอร์รีหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ต้นหอมซอย พริกไทยดำ ส่วนผสมหน้าที่ 4 อะโวคาโดสเปรด ไข่ต้มสไลซ์ พริกปาปริกาป่น ไมโครกรีน ส่วนผสมหน้าที่ 5 บีตรูตบด อัลมอนด์สไลซ์อบ ไมโครกรีน ส่วนผสมหน้าที่ 6 พริกหวานย่างผสมมะเขือเทศบด มะเขือเทศเชอร์รีสีเหลืองสไลซ์ย่าง ชีสริคอตตา ใบไทม์ วิธีทำ ปิ้งขนมปังให้หอมกรอบ ทาเนย จัดวางหน้าต่างๆ ลงบนขนมปังให้สวยงามตามชอบ

  Légumes à la Grecque (ลีกูม อา ลา แกรก) เป็นชื่ออาหารชนิดหนึ่งซึ่งเป็นการทำผักให้เก็บไว้ได้หลายวันของฝรั่งเศส วิธีการทำนี้เรียกว่าเป็นการทำตามแบบของกรีก   อาหารจานนี้ทานเย็น จัดเป็น Hors d’Oeuvre ที่เสิร์ฟก่อนมื้ออาหาร เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจานแรก หรือทานเล่นทั่วไปก็ได้ ในฝรั่งเศสมักจะเห็นขายทั่วไป ผักที่รู้จักกันและนิยมนำมาทำมากที่สุดคือเห็ดแชมปิญองเรียกว่า  Champignons à la Grecque   ตามจริงแล้วผักเนื้อแน่นหลากหลายชนิดสามารถนำมาทำได้ เช่น แครอต ซุกกินี พริกหวาน ดอกกะหล่ำ หอมเล็ก ถั่วแขก ฯลฯ วิธีการดองใช้ไวน์ขาว น้ำเลมอน ใส่กระเทียม ลูกผักชี และส่วนผสมอื่นๆ โดยนำผักไปต้มในไวน์ให้สุก ดองและแช่เย็นไว้ก่อนทาน ผักที่ใช้ดองจะใช้เฉพาะเห็ด หรือผักต่างๆ รวมกันก็ได้   วิธีการทำนี้จัดเป็นการดองผักอย่างสุกและเร็ววิธีหนึ่ง   Légumes à la Grecque ส่วนผสมน้ำดองผัก ไวน์ขาว 2 ถ้วย ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 1/2 ถ้วย ผิวเลมอน 5-6 ชิ้น น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย พาร์สลีย์ 4-5 ก้าน ใบไทม์ 2-3 กิ่ง กระเทียม 3 กลีบ หอมหัวใหญ่สับ 1/2 ถ้วย มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato Paste) 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้) เกลือ พริกไทย และพริกป่น ส่วนผสมผัก เห็ดแชมปิญอง แครอตหั่นชิ้นเล็ก ถั่วแขก ซุกกินี ดอกกะหล่ำหั่นเป็นดอกเล็ก วิธีทำ ใส่น้ำมันมะกอกในหม้อก้นหนา 2 ช้อนโต๊ะ พอร้อนใส่หอมหัวใหญ่ ผัดจนสุกใส เติมไวน์ขาว ต้มจนเหลือครึ่งหนึ่ง ใส่ลูกผักชี น้ำเลมอน ผิวเลมอน พาร์สลีย์ ใบไทม์ กระเทียม เกลือ พริกไทย พริกป่น และมะเขือเทศเข้มข้น ต้มนานประมาณ 5 นาที ชิมให้รสจัดและรสเปรี้ยวนำ ใส่เห็ดลงไปต้มนาน 7-10 นาที ตักขึ้น พักไว้ ต้มแครอต 5 นาที ตักขึ้น ต้มถั่วแขก ซุกกินี และดอกกะหล่ำ 6-7 นาที ตักขึ้น ใส่น้ำมันมะกอกที่เหลือ ชิมรสน้ำที่เหลือ ปรุงให้รสจัด ราดผักที่สุกแล้ว หรือใส่ผักที่ลวกแล้วทั้งหมดลงไปดองไว้ แช่เย็นไว้ 1 คืนก่อนทานจะอร่อยขึ้น Note เมื่อตักผักขึ้นแล้ว น้ำที่เหลือต้มให้งวดแล้วนำไปดองผักครั้งต่อไปได้

  เมนูเรียกน้ำย่อยกินเล่นจานอร่อย ใช้เนื้อปลาทูน่าเคล้ากับอะโวคาโดซูเปอร์ฟู้ดที่ช่วยบำรุงผิว บำรุงสายตา มีไขมันดีชะลอความแก่ วางบนสาหร่ายกรอบที่มีประโยชน์ช่วยให้ผมดกดำเงางาม   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อปลาทูน่าดิบหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย มายองเนสไขมันต่ำ 1/4 ถ้วย  อะโวคาโดหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ผล แตงกวาญี่ปุ่นหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ผล หอมแขกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ                        เกลือป่นและพริกไทยป่นอย่างละเล็กน้อย ส่วนผสมสาหร่ายกรอบ สาหร่ายโนริหั่นชิ้นสามเหลี่ยมขนาดประมาณ 3 นิ้วปริมาณตามชอบ แป้งทอดกรอบ 1/4 ถ้วย น้ำเย็นจัด 1/2 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับทอด วิธีทำ ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำเย็น นำสาหร่ายลงชุบแล้วทอดในน้ำมันร้อนทันที ใช้ไฟแรงปานกลางจนแป้งกรอบเหลือง ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เคล้าเนื้อปลาทูน่ากับมายองเนส อะโวคาโด แตงกวาญี่ปุ่น หอมแขก ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ชิมรส ตักทูน่าใส่บนสาหร่าย เสิร์ฟทันที

  “แซนด์วิชโบราณ” ชื่ออาจจะไม่โบราณเท่าไร แซนด์วิชนี้หลายคนน่าจะเห็นมาแต่เด็กๆ เป็นขนมปังแผ่นที่ประกบกับโบโลน่า ใส่หมูหย็องตรงกลาง ราดน้ำสลัดรสหวานๆ   ส่วนผสม   ขนมปังแซนด์วิช 12-16 แผ่น โบโลน่าหมูผสมไก่ 6 แผ่น หมูหย็อง 3/4 ถ้วย ไข่ฟองใหญ่ 1 ฟอง น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา มัสตาร์ดครีม 2 ช้อนชา น้ำมันพืช 1/3 ถ้วย น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ทำน้ำสลัดโดยตีไข่ น้ำตาล นมข้นหวาน และเกลือเข้าด้วยกัน ตุ๋นบนหม้อน้ำเดือดจนไข่และน้ำตาลเข้ากัน ยกลง คนต่ออีกสักครู่ ใส่มัสตาร์ดครีม คนให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำมันสลับกับน้ำส้มสายชู ตีจนเข้ากัน (ถ้าตีแล้วยังไม่ข้นให้ปั่นด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ประมาณ 5 นาทีจะข้นขึ้น) วิธีประกบแซนด์วิช ทาน้ำสลัดที่ขนมปัง 1 แผ่นให้ทั่ว วางโบโลน่า 1 แผ่น ทาน้ำสลัดที่ขนมปังแผ่นที่ 2  แล้ววางบนโบโลน่า ทาน้ำสลัดอีกครั้ง ใส่หมูหย็อง ทาน้ำสลัดบนขนมปังแผ่นที่ 3 แล้ววางประกบหมูหย็อง ทาน้ำสลัด วางโบโลน่า ทาน้ำสลัดบนขนมปังแผ่นที่ 4 แล้ววางบนโบโลน่า ตัดทแยงมุมเป็น 2 ชิ้น ทาน้ำสลัดเพิ่มได้ตามชอบ

  เมนูอร่อยสุขภาพดีอย่างเปาะเปี๊ยะสดใส่ไส้ได้สารพัดตามใจชอบทั้งผักสด กุ้งตัวโตรสหวาน รวมทั้งถั่วเยลโลว์พีต้มสุกสีเหลืองสวยดูน่ากิน   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) กุ้งต้ม 6-12 ตัว ถั่ว Yellow Peas ต้มสุก 1/2 ถ้วย หอมแขกสไลซ์ 1/4 ถ้วย แครอตขูด 1/4 ถ้วย ผักกาดหอม ใบโหระพา และใบสะระแหน่ปริมาณตามชอบ แป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนาม                             ส่วนผสมน้ำจิ้ม น้ำส้มสายชูหมัก 1/2 ถ้วย น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 2 กลีบ พริกชี้ฟ้าแดง (กรีดเมล็ดออก) 2 เม็ด เกลือทะเลเล็กน้อย แครอตขูดและแรดิชหั่นฝอยรวมกันประมาณ 1/2 ถ้วย วิธีทำ ทำน้ำจิ้มโดยต้มน้ำส้มสายชู น้ำ น้ำตาล เกลือ กระเทียม และพริกชี้ฟ้าแดงในหม้อใบเล็ก ต้มจนพริกและกระเทียมนุ่ม ตักพริกและกระเทียมขึ้นมาปั่นหรือตำให้ละเอียด เทกลับใส่หม้อ พักไว้ให้เย็นสนิท ชิมรส ใส่แครอตขูดและแรดิชหั่นฝอย จุ่มแป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนามในน้ำนานประมาณ 5-10 วินาที วางบนผ้าชุบน้ำเปียกหมาดๆ วางเนื้อกุ้งตรงกลาง ใส่ถั่ว Yellow Peas หอมแขก แครอตขูด ใบโหระพา ใบสะระแหน่ และผักกาดหอม ห่อให้แน่นและสวยงาม หั่นเปาะเปี๊ยะเป็นคำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

  อะโวคาโดเนื้อนุ่มมันบดรวมกับถั่วแระญี่ปุ่นทำให้สเปรดมีเนื้อสัมผัส เมื่อโรยไข่ปลาแซลมอนรสเค็มยิ่งชวนให้น่ากินยิ่งขึ้น   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ขนมปังคันทรีเบรด 2-3 แผ่น ครีมชีสสเปรด อะโวคาโดบด 1 ผล ถั่วแระญี่ปุ่นสับหยาบ 1/3 ถ้วย ไข่ปลาแซลมอนตามชอบ ผักชีลาว แรดิชสไลซ์ น้ำเลมอน เกลือ และพริกไทย              วิธีทำ ปิ้งขนมปังคันทรีเบรด ทาครีมชีสสเปรดให้ทั่วแผ่น ผสมอะโวคาโดบดกับถั่วแระญี่ปุ่นให้เข้ากัน ใส่น้ำเลมอน เกลือ และพริกไทย ตักทาบนขนมปัง    วางไข่ปลาแซลมอน ตกแต่งด้วยผักชีลาวและแรดิชสไลซ์ให้สวยงาม

  ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเมนูสุขภาพที่หลายคนชอบกิน เพราะมีทั้งผักและปลา เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสจัดจ้านที่ทำจากซอสปลากระป๋อง   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ก๋วยเตี๋ยวชนิดแผ่น  2 แผ่น ปลาซาดีนในซอสมะเขือเทศ 1 กระป๋อง น้ำมะนาว 2 ช้อนชา พริกขี้หนูสับ 3 เม็ด หอมแดงสับ 2 หัว ตะไคร้สับ 1 ต้น ผักสลัด แครอตหั่นเส้น และใบโหระพา  วิธีทำ แยกเนื้อปลาซาดีนออกจากซอสมะเขือเทศ นำซอสมะเขือเทศทำเป็นน้ำยำโดยใส่น้ำมะนาว พริกขี้หนูสับ หอมแดงสับ และตะไคร้สับ คนให้เข้ากัน นำเส้นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ่วางบนจาน ใส่ผักสลัด แครอตหั่นเส้น ใบโหระพา และเนื้อปลาตามยาวครึ่งชิ้น ม้วนให้แน่น ตัดเป็นชิ้นหนา 1 นิ้ว จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำยำ

  สล็อปปี้โจ (Sloppy Joe) เป็นเบอร์เกอร์เนื้อสับสไตล์อเมริกัน มีส่วนประกอบหลักคือเนื้อวัว (อาจจะเป็นเนื้อหมูหรือผสม) ผัดกับหอม พริกหวาน ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ วูสเตอร์ซอส และเครื่องเทศมากมาย เสิร์ฟมากับขนมปังเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ สิ่งที่ทำให้สล็อปปี้โจเป็นที่นิยมในกลุ่มครอบครัวชาวอเมริกันคือลักษณะเนื้อสับที่รับประทานง่าย รสชาติหวานและความกลมกล่อมจากเครื่องเทศ เครื่องปรุงที่หลากหลายของซอส ที่มาของสล็อปปี้โจนั้นมีเรื่องเล่าที่มาหลากหลาย หนึ่งในนั้นเล่าว่าสล็อปปี้โจถูกคิดค้นขึ้นในช่วงปี 1930 โดยเชฟชื่อโจ (Joe) ในรูปแบบของเบอร์เกอร์เนื้อสับ (Loose Meat Sandwiches) เมืองซูกส์ รัฐไอโอวา (Sioux City, Iowa)   ส่วนผสม เนื้อวัวบด 450 กรัม น้ำมันมะกอก 1/2 ช้อนโต๊ะ เนย 1 ช้อนโต๊ะ พริกหวานเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 50 กรัม หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 120 กรัม กระเทียมสับ 3 กลีบ มะเขือเทศเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ ซอสมะเขือเทศ 2/3 ถ้วย น้ำสะอาด 1/3 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ มัสตาร์ด 1 ช้อนชา พริกคาเยน 1 ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา วูสเตอร์ซอส 1 ช้อนชา พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา  พริกป่น 1/4 ช้อนชา ซอสทาบาสโก 1/2 ช้อนชา ขนมปังเบอร์เกอร์สำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ ตั้งน้ำมันมะกอกในหม้อก้นหนาให้พอร้อนดี นำเนื้อวัวบดลงไปรวนจนสุกและรีดไขมันออกจากเนื้อประมาณ 5 นาที กรองไขมันที่ไหลออกมาออก พักเนื้อไว้ ในหม้อใบเดิม ใส่เนยลงไป ผัดหอมหัวใหญ่และพริกหวานจนนุ่มประมาณ 3 นาที ใส่เนื้อวัวที่พักไว้กลับลงไป ตามด้วยกระเทียมและมะเขือเทศเข้มข้น ผัดต่อประมาณ 1 นาที ใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำสะอาด น้ำตาลทรายแดง มัสตาร์ด พริกคาเยน เกลือ วูสเตอร์ซอส พริกไทยดำ พริกป่น และซอสทาบาสโก ผัดให้เข้ากันดี ปิดฝา ลดไฟ ตุ๋นเป็นเวลา 10 นาที เปิดฝาหม้อ เร่งไฟ เคี่ยวให้ได้ความข้นตามต้องการประมาณ 1-2 นาที

  แหนมซี่โครงหมูเมื่อนำมาทอดนอกจากจะอร่อยแล้ว แต่ถ้าจะเพิ่มรสชาติก็นำมาผัดปรุงรสอีกนิด ใส่สมุนไพรไทยจะอร่อยขึ้น       ส่วนผสม แหนมซี่โครงหมูอ่อน 300 กรัม เมล็ดพริกไทยอ่อน 3 ช่อ กระเทียมไทยโขลกพอแหลก 15 กลีบ พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ แป้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับทอด 3 ถ้วย วิธีทำ ตั้งกระทะน้ำมันโดยไฟกลางให้ร้อน ผสมแหนมซี่โครงหมูอ่อนลงคลุกกับแป้งทอดกรอบให้ทั่ว   เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ใส่ซี่โครงหมูอ่อนลงทอดให้สุกเหลืองกรอบ ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เทน้ำมันออกให้เหลือ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่กระเทียมลงเจียวให้เหลือง ใส่แหนมซี่โครงทอด เมล็ดพริกไทยอ่อน ปรุงรสด้วยพริกไทยป่นและซอสปรุงรส ผัดเร็วๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศและแตงกวาหั่นเต๋า

  เกี๊ยวเกาหลีของกินเล่นที่ทำง่ายและอร่อย ไส้ทำจากหมูสับและกิมจิมีรสจัดจ้าน ห่อด้วยแป้งเกี๊ยวซ่าให้เป็นชิ้นใหญ่แล้วต้มหรือนึ่ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเค็มเปรี้ยว   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เนื้อหมูบดติดมัน 1 ถ้วย เห็ดหอมแห้งแช่น้ำ หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/4 ถ้วย ต้นหอมญี่ปุ่นซอย 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 2 กลีบ ไข่แดง 1 ฟอง กิมจิบีบน้ำออกแล้วสับ 1 ถ้วย แป้งเกี๊ยวซ่า 10-20   แผ่น เกลือป่นและพริกไทยป่นสำหรับปรุงรสเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำจิ้ม ซีอิ๊ว 1/4 ถ้วย | น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ | น้ำเชื่อมข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ | ต้นหอมญี่ปุ่นสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรส วิธีทำ วิธีทำไส้ ผสมหมูบด เห็ดหอม ต้นหอมญี่ปุ่น กระเทียม ไข่แดง กิมจิ เกลือ และพริกไทยเข้าด้วยกัน ห่อด้วยแป้งเกี๊ยวซ่า ทาน้ำที่ริมแป้ง พับครึ่งให้ติดกัน จับปลายแป้งเกี๊ยวให้ทบติดกัน (ทาน้ำให้ติดแน่น) นึ่งนาน 5-7 นาที หรือต้มในน้ำเดือดให้สุก (เมื่อเกี๊ยวสุกจะลอยขึ้น) เสิร์ฟเกี๊ยวพร้อมน้ำจิ้ม

  กัวกาโมเลดิปกับข้าวเกรียบกุ้ง (Guacamole Dip with Shrimp Chip) ส่วนผสม ข้าวเกรียบกุ้งทอด 100 กรัม อะโวคาโดสุก 2 ผล ซาวร์ครีม 450 กรัม มะเขือเทศสับ 2 ผล ผักชีสับ 2 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่สับ 1/2 หัว น้ำเลมอน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ทาบาสโก 1 1/2 ช้อนชา เลมอนฝานและใบผักชีสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ผ่าอะโวคาโดและปอกเปลือกออก หั่นเนื้ออะโวคาโดให้เล็กพอประมาณ นำไปใส่อ่างผสม ใส่ซาวร์ครีมลงไป แล้วใช้ทัพพีไม้บดให้ละเอียด ใส่มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่สับ และผักชีลงไป คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำเลมอนและทาบาสโก ตักกัวกาโมเลที่ทำไว้ใส่ถ้วย เสิร์ฟกับข้าวเกรียบกุ้ง ตกแต่งด้วยเลมอนและผักชีให้สวยงาม

  เรียกน้ำย่อยด้วยคานาเป้เสียบไม้คำเล็กๆ ที่มีรสชาติหลากหลาย เช่น ซาลามีสไลซ์บางจับคู่กับชีสรสเค็มมัน ไส้อั่วหอมกลิ่นเครื่องเทศแกล้มกับแตงกวาและมะเขือเทศ และหมูกรอบคู่กับหอมดองที่กินแล้วเข้ากันดี   ส่วนผสม (สำหรับ 10-15 ที่) ซาลามีสไลซ์บาง ชีสเนื้อนุ่มหั่นชิ้นพอดีคำ แตงกวาดองหั่นแฉลบ ไส้อั่วหั่นแว่น แตงกวาญี่ปุ่นหั่นแว่น มะเขือเทศเชอร์รี หมูกรอบหั่นชิ้นพอดีคำ แรดิชหั่นพอดีคำ หัวหอมดอง และกระเทียมดองน้ำมัน อย่างละ 10-15 ชิ้น วิธีทำ เสียบแตงกวาดองกับไม้ค็อกเทล ตามด้วยซาลามีพับทบให้เป็นริ้วสวยและเสียบชีสเนื้อนุ่มไว้บนสุด ไม้ที่ 2 เสียบแตงกวาญี่ปุ่น ไส้อั่วและมะเขือเทศเชอร์รี ไม้ที่ 3 เสียบหัวหอมดอง หมูกรอบ กระเทียมดองและแรดิช จัดเสิร์ฟบนจานพร้อมกับผักดองตามชอบ

แซนด์วิชหน้าเปิด หรือบางครั้งเรียกว่า Open-Faced Sandwich หรือ Tartine ในภาษาฝรั่งเศสไม่ใช่ของแปลกใหม่และไม่สามารถพกพาไปทานที่ไหนได้ แซนด์วิชนี้มีทานกันมานานหลายศตวรรษแล้วตั้งแต่คนเราเริ่มทำขนมปัง ทานกันทั่วไปในยุโรปและอเมริกาเหนือ   แซนด์วิชหน้าเปิดคือการนำขนมปังตามที่มีในท้องถิ่นมาหั่นเป็นชิ้นทาเนย แล้ววางเนื้อสัตว์ที่สุกแล้ว ไข่ ผัก  ซึ่งของที่วางบนหน้านี้แล้วแต่ว่าจะมีอะไร ชอบอะไร หรือแล้วแต่จะคิดก็วางบนหน้าขนมปังได้ แล้วก็ทานเป็นอาหารมื้อเช้า กลางวัน เย็น และทานเป็นของว่างได้ด้วย   แถบประเทศเยอรมนีและยุโรปตอนกลาง เช่น ออสเตรีย ฮังการี โปแลนด์ นิยมทาขนมปังด้วย Schmaltz คือไขมันที่ทำจากมันหมู ไก่ ห่าน ส่วนคนฝรั่งเศสชอบใช้มันเป็ดและมันห่าน ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย เช่น สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ส่วนมากจะใช้ขนมปังดำที่เรียกว่า Rugbrod ทาเนย ครีม วางปลาดองชนิดต่างๆ ที่มี เนยแข็ง ตกแต่งให้สวยงามน่ากิน   อาหารประเภทใกล้เคียงกันคือ Canapé ถึงแม้จะจัดอยู่ในประเภท Hor d’oeuvre ก็จัดเป็นแซนด์วิชหน้าเปิดชนิดหนึ่ง อาหารเป็นชิ้นเล็กๆ ทานได้ในคำ 2 คำ   แซนด์วิชหน้าเปิดมีรูปแบบและส่วนผสมอะไรก็ได้แล้วแต่จะคิด หรือแล้วแต่ของที่มีเฉพาะหน้า เช่น ขนมปังชาร์โคลสีดำทาครีมชีสสีขาว วางแฮมหรือปลาแซลมอนรมควัน  ขนมปังทาเนย วางปลาซาดีนกระป๋อง โรยหอมและพริกหั่นเต๋า เป็นต้น จัดตกแต่งให้สีตัดกัน สวยงาม และดูน่าทาน   เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปแซนด์วิชหน้าเปิดก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะดูโก้และสวยงามกว่าแซนด์วิชธรรมดา ผู้คนปัจจุบันก็รักสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ฉบับนี้เราจะทำตาฮีนี (Tahini) ที่ทำจากงาบด และฮุมมุส (Hummus) ถั่วลูกไก่บดผสมกับงาบด ใส่กระเทียม น้ำเลมอน และเกลือ ซึ่งเป็นอาหารของคนตะวันออกกลาง ใช้ทาขนมปังแทนเนย ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้สำหรับคนรักสุขภาพ   คนที่รักสุขภาพและมักคิดหาอะไรที่มาทาขนมปังแทนเนยน่าจะชอบ                 Tahini ส่วนผสม งาขาว 500 กรัม น้ำมันมะกอก 3-4 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ คั่วงาโดยใช้ไฟกลางจนเหลือง ปั่นงาในที่ปั่นเบลนเดอร์ (Blender) จนละเอียด ระหว่างที่ปั่นค่อยๆ ใส่น้ำมันมะกอกทีละช้อน ปั่นจนเนื้อละเอียดเนียน Hummus ส่วนผสม ถั่วลูกไก่แห้ง (Chickpea) 300 กรัม เบกกิงโซดา 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 2 กลีบ น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ (มากหรือน้อยต้องชิม) เกลือ 2 ช้อนชา (มากหรือน้อยต้องชิม) ตาฮีนี 1/2 ถ้วย (ถ้าชอบใส่มากได้) วิธีทำ ใส่น้ำให้ท่วมถั่ว ใส่เบกกิงโซดา แช่ค้างคืนไว้ เทน้ำทิ้ง ใส่น้ำใหม่ให้มากเป็น 2 เท่าของถั่ว ต้มนาน 45 นาที คนบ้างเป็นครั้งคราว ทิ้งถั่วให้เย็นในน้ำที่ต้ม เอาเปลือกใสๆ ออกให้หมด พักไว้ให้เย็น นำถั่วใส่เครื่องปั่น (Blender) พร้อมน้ำเลมอน กระเทียม และเกลือ ปั่นจนเนื้อเนียน ใส่ตาฮีนี ปั่นต่อจนเข้ากันและเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ชิมรสให้มีรสเค็มและเปรี้ยวนิดๆ

  มันฝรั่งค็อกเทลหัวเล็กเปลือกบางเนื้อแน่น เมื่อนำไปต้มเนื้อจะเหนียวนุ่ม กินอร่อย นำมาผสมกับวิปปิงครีมและชีสให้ได้รสเข้มข้น วางแซลมอนรมควันและเนื้ออบ ได้รสชาติอร่อยคนละแบบ   ส่วนผสม (สำหรับ 10-15 ที่) มันฝรั่งค็อกเทล (Potato Cocktail) 10-20 หัว วิปปิงครีม 1/4 ถ้วย ชีสเชดดาร์ขูด 1/4 ถ้วย ชีสพาร์เมซานขูด 2 ช้อนโต๊ะ เนยจืด 1 ช้อนชา เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบเล็กน้อย แซลมอนรมควัน ไข่ปลาลัมฟิช ต้นหอมซอย เนื้ออบสไลซ์บาง ไมโครกรีน พริกแดงสับ ปริมาณตามชอบ วิธีทำ ต้มมันฝรั่งทั้งเปลือกให้สุก ตักขึ้น พักไว้สักครู่ ผ่าครึ่งและตักเนื้อมันฝรั่งออกให้เป็นถ้วย อุ่นเนื้อมันฝรั่งให้ร้อน บดให้ละเอียด ใส่วิปปิงครีม ชีสทั้ง 2 ชนิด เนย เกลือ และพริกไทย คนให้เข้ากัน ตักมันฝรั่งบดใส่เปลือกมันฝรั่งที่เตรียมไว้ วางแซลมอนรมควัน ไข่ปลาลัมฟิช และต้นหอมซอย มันฝรั่งที่เหลือวางเนื้ออบ ตกแต่งด้วยไมโครกรีนและพริกแดง

จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ SO Amazing Chefs อีกหนึ่งงานเทศกาลอาหารที่รวมเชฟชื่อดังและเชฟระดับรางวัลมิชลินสตาร์เข้าไว้ด้วยกัน ปีนี้ G&C ได้เข้าร่วมคลาสสุดพิเศษที่เชฟมาสาธิตทำอาหารและบอกเคล็ดลับอย่างใกล้ชิด   เชฟที่เราได้เข้าร่วมคลาสครั้งนี้คือเชฟเครางามนามว่า “นิโคลาส อิลาลอฟ” (Nicolas Elalouf) เขาเป็นเจ้าของร้าน “Man Mo” ร้านติ่มซำแนวฟิวชันซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะฮ่องกง ร้านนี้ไม่เหมือนใครเพราะใช้ส่วนผสมของยุโรปมารวมกับศิลปะการทำติ่มซำของจีน จนกลายเป็นติ่มซำฟิวชันที่มีเมนูยอดนิยมอย่าง “เสี่ยวหลงเปาฟัวกราส์” เป็นเมนูขายดีของร้าน     เชฟผมสีทองดวงตาสีฟ้าคนนี้ดูแล้วไม่เข้ากับอาหารจีนอย่างติ่มซำเลย เชฟนิโคลาสเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ เรียนจบจากโรงเรียนการโรงแรมโลซาน และได้เดินทางไปยังประเทศฮ่องกงเมื่อ 10 ปีก่อน จากนั้นเขาก็ตกหลุมรักติ่มซำคำเล็กๆ อย่างเต็มเปา หลังจากได้ศึกษาเรียนรู้การทำติ่มซำจากเชฟจีนเขาจึงริเริ่มทำติ่มซำแนวใหม่ที่มีไส้แตกต่างไปจากเดิม   “เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยอยากเป็นเชฟติ่มซำกันแล้ว” เชฟนิโคลาสบอกเรา โดยให้เหตุผลว่าติ่มซำเป็นของยุ่งยาก ต้องทำทั้งไส้ให้มีรสชาติอร่อย แป้งที่ห่อต้องเนื้อบางละมุน และยังต้องตั้งใจห่อทีละชิ้นๆ ให้สวยงามอีกด้วย แต่ทั้งหมดนี้เป็นเสน่ห์ของติ่มซำที่เชฟนิโคลาสไม่อยากให้เลือนหายไป   ติ่มซำที่ร้านของเขามีไส้แปลกๆ ที่เราไม่ค่อยได้พบในร้านติ่มซำทั่วไป เช่น ไส้เป็ดตุ๋นแบบกงฟีห่อด้วยแป้งสีดำทำจากหมึกดำของปลาหมึก ไส้ต้มยำรสเผ็ดเปรี้ยวๆ ไส้ช็อกโกแลตนูเทลล่า ไส้ปลากะพงผัดเนยใส่เลมอน รวมทั้งมีแป้งติ่มซำหลากสีที่ทำจากฟักทอง ผักโขม และมะเขือเทศอีกด้วย   เมนูที่เชฟโชว์เป็นติ่มซำไส้ชีสบรีผสมกับเห็ดทรัฟเฟิล เชฟจับจีบแป้งได้อย่างสวยงามและรวดเร็ว ถ้าไม่มองหน้าก็คิดว่าเชฟจีนมาเอง เมื่อนำติ่มซำไปนึ่งแล้วเชฟทอดต่อในกระทะใช้น้ำมันเล็กน้อยให้ผิวพอกรอบๆ เมื่อกัดเข้าไปคำแรกได้รสชาติเข้มข้นและเค็มนิดๆ ของชีสบรี พร้อมกับกลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิลฟุ้งไปทั่วปาก กินหมดคำแล้วกลิ่นหอมก็ยังอวลอยู่ในปากไม่หาย   เป็นติ่มซำคำเล็กที่มีรสชาติไม่เบาเลยทีเดียว     Brie Cheese and Truffle Dumpling ส่วนผสมแป้ง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 303 กรัม น้ำมันมะกอก 25 กรัม น้ำเดือด 150 กรัม ส่วนผสมไส้ ชีสบรีพักให้นุ่มผสมกับเห็ดทรัฟเฟิลสับ วิธีทำ ผสมแป้งสาลี น้ำมันมะกอก และน้ำเดือดในเครื่องตีผสม ใช้หัวตีใบไม้ตีจนส่วนผสมเข้ากันดี เทออกมานวดบนโต๊ะจนแป้งคลายความร้อน คลึงแป้งให้เป็นแท่งยาว ตัดเป็นชิ้นหนักประมาณ 9-11 กรัม แตะแป้งนวลเล็กน้อยแล้วใช้ไม้คลึงแป้งให้เป็นแผ่นกลม ตรงกลางนูนเล็กน้อย ตักไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พับริมเข้าหากันและจับจีบให้สวยงาม นึ่งด้วยไฟแรงจนแป้งพอสุก ทอดในน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันเล็กน้อยให้ผิวเป็นสีเหลืองสวย ตักขึ้น โรยเห็ดทรัลเฟิลสับ

เชื่อว่าวัยเด็กของหลายคนคงจะมีเรื่องราวประทับใจเกี่ยวกับอาหารจานโปรดที่คุณแม่ทำให้กิน คุณลูกเกด-กัณฐาภรณ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ก็เช่นเดียวกัน สำหรับเธอแล้วอาหารมื้อเช้าที่คุณแม่องุ่น-รุจิญาภรณ์ ทำให้กินก่อนไปโรงเรียนถือเป็นมื้อสุดพิเศษทีเดียว   คุณลูกเกด-กัณฐาภรณ์ และคุณแม่องุ่น-รุจิญาภรณ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ร้าน Holy Cheese   “ส่วนใหญ่คุณแม่จะทำแซนด์วิช ขนมปังไข่ดาว สปาเกตตี ยำทูน่า หมุนเวียนไปในแต่ละวัน แม้จะเป็นเมนูเรียบง่ายแต่รสชาติอร่อยมาก โดยเฉพาะแซนด์วิชไข่คน ยิ่งคุณแม่รู้ว่าเกดชอบชีสก็ยิ่งใส่ให้เยอะ นอกจากอาหารฝรั่งที่ท่านทำให้กินเป็นประจำเพราะใช้เวลาเตรียมการน้อย อาหารไทยก็มีบ้างอย่างไก่ต้มขิงสูตรคุณยายและไข่เจียวอร่อยที่สุดในโลกของคุณแม่ที่กินบ่อยแค่ไหนก็ไม่เบื่อ”   “ความพิเศษของอาหารมื้อเช้าสำหรับเกดไม่ได้อยู่ที่เมนูหรูหรา วัตถุดิบราคาแพง หรือวิธีทำซับซ้อน แต่เป็นเพียงเมนูธรรมดาที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจของคุณแม่ ไม่ว่าท่านจะทำงานดึกแค่ไหนก็จะตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารให้เกด ซึ่งท่านให้คนอื่นทำแทนก็ได้ มันจึงมากกว่า “อิ่มท้อง” แต่มันคือ “อิ่มอกอิ่มใจ” เหมือนเป็นสารรักที่ท่านต้องการส่งถึงเราทุกเช้าว่าท่านรักเราแค่ไหน” คุณเกดเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเล่าถึงที่มาของ Holy Cheese ร้านแซนด์วิชที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเมนูโปรดในวัยเยาว์   เห็นคุณเกดรูปร่างดีแบบนี้แต่ตัวจริงเธอคือนักกินตัวยงที่ช่างเสาะแสวงหาของอร่อยเป็นงานอดิเรก เรียกว่าประสบการณ์ด้านรสชาติไม่เบาเลยทีเดียว (แต่รักษารูปร่างได้ดีมาก) “ด้วยความที่เราเป็นคนชอบกินมีเวลาก็จะตระเวนหาของอร่อยๆ ทั้งในและต่างประเทศ ยิ่งงานประจำเป็นแอร์โฮสเตสก็ยิ่งตอบโจทย์ เพราะเดินทางบ่อย มีโอกาสได้กินอาหารแตกต่างจากบ้านเรา หรืออย่างแซนด์วิชที่พบเห็นได้ทั่วไปแต่พอใส่ส่วนผสมต่างกันรสชาติก็ต่างกันไปด้วย เกดจะจดจำรสชาติแบบที่ชอบแล้วกลับมาลองทำจนเป็นสไตล์ของตัวเอง พอทำกินเองแล้ว อืม...อร่อยดีนะ เราก็อยากทำให้คนที่ชอบเหมือนเราได้กินด้วย ใครชอบแซนด์วิชชีสเน้นๆ ไส้แน่นๆ เหมือนเกดต้องแวะมาร้าน Holy Cheese นะคะ”   หากเรามองย้อนกลับไปในวัยเด็กของตัวเอง หลายคนคงแอบอมยิ้มเมื่อนึกถึงอาหารที่แม่ทำให้เรากินในตอนนั้น ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน รสชาติของความอบอุ่นก็ยังคงละมุนอยู่ในใจเสมอ     Breakfast Scrambled Egg Sandwich แซนด์วิชไข่คน ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) ขนมปังโฮลวีตซาวร์โด (Whole Wheat Sourdough) 2 แผ่น ไข่ไก่ 2 ฟอง ชีสแคลิฟอร์เนียเชดดาร์ 4 แผ่น เนยเค็มเล็กน้อย เบคอนรมควันทอดกรอบและผักสลัดร็อกเก็ตปริมาณตามชอบ เกลือป่นและพริกไทยป่นอย่างละเล็กน้อย วิธีทำ ทาเนยเค็มบนขนมปังทั้ง 2 ด้าน ทำไข่คนโดยใส่เนยลงในกระทะ ใช้ไฟอ่อน เทไข่ลงคนเรื่อยๆ อย่าคนแรงมาก ไข่จะมีฟองอากาศและจะไม่เนียน อย่าให้ไข่ติดกระทะ ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย คนจนเกือบสุก ยกขึ้น พักไว้ วางขนมปังทาเนยบนกระทะ ย่างจนขนมปังเหลืองและมีกลิ่นหอม พลิกกลับด้าน วางชีสบนขนมปัง ตักไข่คนใส่ วางเบคอนและผักสลัดร็อกเก็ต ประกบด้วยขนมปังอีกแผ่น ย่างบนกระทะหรือเข้าเตาอบอีกครั้งจนชีสละลายและขนมปังกรอบทั้ง 2 ด้าน หั่นครึ่ง เสิร์ฟ

  ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) สับปะรดภูแลหั่นแว่น 1-2 ผล เนยเล็กน้อย กรีกโยเกิร์ตปริมาณตามชอบ ส่วนผสมซอสมะละกอ เนื้อมะละกอฮอลแลนด์หั่นชิ้นเล็ก 2 ถ้วย น้ำแอปเปิล 1/4 ถ้วย เกลือทะเลเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำเชื่อมขิง ขิงแก่ซอยเป็นเส้น (ขนาดเท่าไม้ขีดไฟ) 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย วิธีทำ ทำน้ำเชื่อมขิงโดยต้มน้ำกับน้ำตาลจนน้ำตาลละลายและงวดลงเล็กน้อย ใส่ขิงลงต้มต่อสักครู่ ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น เตรียมไว้ ปั่นมะละกอกับน้ำแอปเปิลและเกลือให้ละเอียด กรองผ่านที่กรองตาถี่ เตรียมไว้ ทาเนยบางๆ บนสับปะรด นำไปนาบกระทะสักครู่ จัดใส่จาน ราดน้ำเชื่อมขิงพร้อมเนื้อขิง ตักกรีกโยเกิร์ตวางบนหน้า ราดซอสมะละกอ 

  ความเผ็ดร้อนและซ่าชาที่ปลายลิ้นเป็นจุดเด่นที่ทำให้พริกหม่าล่าเป็นที่นิยมในบ้านเรา โดยเฉพาะเมนูง่ายๆ อย่างปิ้งย่างบาร์บีคิวที่ใช้ผงพริกหม่าล่าหมักและย่าง หอมอร่อยถูกใจคนชอบรสจัดจ้าน   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) กุ้งแชบ๊วยขนาดกลาง 4 ตัว ปลาหมึกกล้วยตัวเล็ก 2-4 ตัว ปลาไข่ 4 ตัว เนื้อวัวสไลซ์บาง 200 กรัม ผงพริกหม่าล่า 2-3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชเล็กน้อย   ส่วนผสมยำหอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ซอย หอมแขกซอย น้ำมะนาว และผักชีอย่างละเล็กน้อย   วิธีทำ หมักกุ้งแชบ๊วย ปลาหมึก ปลาไข่ และเนื้อวัวด้วยผงพริกหม่าล่าผสมน้ำมันพืชไว้ประมาณ 30 นาที นำมาเสียบไม้ นำไปย่างจนสุก ผสมหอมหัวใหญ่ซอย หอมแขกซอย น้ำมะนาว คนเบาๆ ให้เข้ากัน ใส่ผักชี พักไว้ จัดบาร์บีคิวใส่จาน เสิร์ฟพร้อมยำหอมหัวใหญ่ โรยพริกหม่าล่าเพิ่มได้ตามชอบ