ส่วนผสม ขนมจีน 2 กิโลกรัม ไข่เป็ดต้มยางมะตูม 12 ฟอง สับปะรดศรีราชาเนื้อฉ่ำหั่นเป็นเส้นยาว 1 ผล กระเทียมหั่นบางๆ ตามขวาง 40 กลีบ ขิงอ่อนซอยเป็นเส้นยาว 1 ถ้วย กุ้งแห้งป่น (ต้องตำด้วยครกจนเนื้อฟูปุย) 1 1/2 ถ้วย มะนาวฝานเป็นชิ้น 10 ผล พริกขี้หนูซอย 1/4 ถ้วย ส่วนผสมน้ำปรุง น้ำปลา 1/2 ถ้วย น้ำมะนาว 1/2 ถ้วย น้ำตาลปึก 70 กรัม น้ำตาลทราย 40 กรัม วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ ตั้งไฟพอน้ำตาลละลาย ชิมรส กรองด้วยผ้าขาวบาง ส่วนผสมแจงลอน กะทิ 1 กิโลกรัม ลูกชิ้นปลากราย 1 กิโลกรัม ดอกเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมลูกชิ้นปลากราย เนื้อปลากรายขูด 1 กิโลกรัม รากผักชี 2 ราก กระเทียม 4 กลีบ เมล็ดพริกไทย 20 เม็ด น้ำเกลือ วิธีทำแจงลอนและลูกชิ้นปลากราย คั้นกะทิทั้งหัวและหางกะทิรวมกัน พักไว้ ตำรากผักชี กระเทียม และเมล็ดพริกไทยจนละเอียด พักไว้ นวดหรือตำเนื้อปลากรายจนเหนียว ขณะตำพรมน้ำเกลือเย็นๆ ทีละนิดระหว่างตำ ใส่รากผักชีที่ตำไว้ ตำต่อจนเข้ากันและเนื้อเหนียว ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเหรียญ 10 บาท ใช้หัวแม่มือกดให้ตรงกลางบุ๋ม ต้มน้ำให้ร้อนจัด (อย่าให้น้ำเดือด) ใส่ลูกชิ้นที่ปั้นไว้ พอลูกชิ้นลอยตักขึ้นใส่น้ำเย็นจัด พอคลายร้อนตักขึ้นจากน้ำ พักไว้ นำกะทิขึ้นตั้งไฟจนร้อนจัด คนตลอดเวลาอย่าให้เดือด (ถ้าเดือดกะทิจะแยกชั้น) พอได้ที่ใส่เกลือ ชิมให้มีรสเค็มนิดๆ ปิดไฟ ใส่ลูกชิ้นปลากราย วิธีรับประทาน จัดขนมจีนใส่จาน วางไข่ต้ม สับปะรด ขิง กระเทียม โรยกุ้งแห้งป่น พริกขี้หนูซอย ราดแจงลอน ใส่น้ำปรุง ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมพริกน้ำปลา มะนาวฝาน น้ำตาลทราย ใครชอบรสใดก็ใส่เพิ่มตามชอบ

  โซเมงเส้นเล็กสีขาวเหนียวนุ่มของญี่ปุ่นเหมาะสำหรับทำเมนูบะหมี่เย็น เมนูนี้ใช้ซอสที่ทำจากบ๊วยดองญี่ปุ่นรสเค็มหวานราดบนเส้น กินกับเนื้อปลาแซลมอนดิบ อร่อยสไตล์ญี่ปุ่น   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เส้นโซเมงต้มสุก 1-2 ถ้วย ซุกกินีหั่นเส้นบาง 1/2 ถ้วย พริกหวานแดงหั่นเส้นบาง 1/2 ถ้วย เนื้อปลาแซลมอนดิบหั่นบาง 200 กรัม พริกป่นญี่ปุ่นและผักสลัดมิซูน่าปริมาณตามชอบ ส่วนผสมซอสบ๊วย เนื้อบ๊วยดองญี่ปุ่น 2 เม็ด น้ำจิ้มบ๊วย 1/4 ถ้วย น้ำมะนาว 1/4 ถ้วย น้ำมันพริก 1-2 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ                วิธีทำ จัดเส้นโซเมงใส่จาน วางซุกกินี พริกหวานแดง ผักสลัดมิซูน่า และเนื้อปลาแซลมอน ผสมน้ำซอสบ๊วยให้เข้ากัน ชิมให้มีรสเค็ม เปรี้ยว หวาน ราดซอสบนเส้นและเนื้อปลา โรยพริกป่นญี่ปุ่นตามชอบ

  ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เส้นโซบะต้มสุก 1 1/2 ถ้วย เนื้อปลาทูน่าดิบหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 200 กรัม แตงกวาญี่ปุ่น แครอต และต้นหอมญี่ปุ่นซอยปริมาณตามชอบ งาขาวคั่วและไข่ปลาโทบิโกะสำหรับโรยหน้าปริมาณตามชอบ   ส่วนผสมน้ำสลัด วาซาบิ 1/2 ช้อนชา น้ำมันงา 1 ช้อนชา น้ำสลัดโชยุ 3 ช้อนโต๊ะ พริกป่นญี่ปุ่นเล็กน้อย   วิธีทำ ต้มเส้นโซบะในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้นผ่านน้ำเย็นเร็วๆ พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จัดใส่จานไว้ วางเนื้อปลาทูน่าดิบ แตงกวาญี่ปุ่น แครอต และต้นหอมญี่ปุ่น ผสมน้ำสลัดให้เข้ากัน ราดบนเส้นโซบะและปลาทูน่า โรยงาขาวคั่วและไข่ปลาโทบิโกะ

  พาสตาเส้นสดนุ่มเหนียว ผัดกับซอสเนยและชีสพาร์เมซานหอมมันเข้มข้นอร่อยโดยไม่ต้องมีเนื้อสัตว์ เพียงแค่สไลซ์ทรัฟเฟิลใส่พูนๆ ก็ส่งกลิ่นหอมยั่วใจจนต้องห้ามพลาด   ส่วนผสมพาสตา (สำหรับ 4 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 500 กรัม แป้งเซโมลินา (Semolina flour) 50 กรัม ไข่แดง 12 ฟอง น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร   ส่วนผสมซอส เนยจืดตัดชิ้นเล็ก 250 กรัม น้ำเปล่า 10 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ช้อนชา ชีสพาร์เมซานขูด 5 ช้อนโต๊ะ น้ำมันกลิ่นทรัฟเฟิล 1 ช้อนโต๊ะ ทรัฟเฟิลดำสไลซ์บาง 12 กรัม   วิธีทำ ผสมแป้งสาลีและแป้งเซโมลินาในอ่างผสม เกลี่ยแป้งให้เป็นแอ่ง ใส่ไข่แดงและน้ำลงไปใช้ส้อมหรือมือเกลี่ยแป้งจากขอบเข้ามาตรงกลาง คนตลอดเวลาเพื่อให้แป้งและไข่ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน คนจนกว่าแป้งรอบข้างจะหมดและไม่มีแป้งเกาะขอบอ่าง เทแป้งลงบนโต๊ะ นวดจนเนื้อเนียนเข้ากัน พักแป้งในอ่างคลุมด้วยพลาสติกใสหรือผ้า 15-20 นาที รีดแป้งด้วยเครื่องรีดพาสตาให้เป็นแผ่นบางที่สุดตามขนาดของเครื่อง ตัดเป็นเส้นด้วยพิมพ์ตัดขนาดเล็กที่สุด ตากเส้นผึ่งลมให้แห้งหมาดๆ และพักไว้ในตู้เย็น ทำซอสโดยใส่น้ำในกระทะ ใส่เนยและเกลือ ผัดจนเนยละลายและข้น พักไว้ ต้มน้ำสำหรับลวกเส้นโดยใช้น้ำ 2 ลิตรและเกลือ 4 ช้อนชา ต้มจนเดือด ใส่เส้นลงต้มในน้ำเดือด 30 วินาที ตักขึ้นคลุกกับซอสทันที ใส่น้ำมันกลิ่นทรัฟเฟิล ตักพาสตาใส่จาน โรยชีสพาร์มีซานขูดและทรัฟเฟิลดำสไลซ์

  เส้นหมี่ผัดสูตรเด็ด อร่อยด้วยซอสเอ็กซ์โอรสดี เติมความหอมด้วยเบคอนและเห็ดหอม เจือรสหวานและสีเขียวสวยด้วยเมล็ดถั่วลันเตา   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เส้นหมี่ฮ่องกง 2 ก้อน                        ซอสเอ็กซ์โอ  1/4 ถ้วย น้ำมันหอย  1-2 ช้อนโต๊ะ เบคอนหั่นชิ้นเล็ก 1/4  ถ้วย เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นชิ้นเล็ก 4 ดอก เมล็ดถั่วลันเตาแช่แข็ง 1/4  ถ้วย น้ำมันงาเล็กน้อย น้ำมันสำหรับผัด   วิธีทำ ต้มน้ำให้เดือด ใส่เส้นบะหมี่ลงต้มให้สุก ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ผสมซอสเอ็กซ์โอกับน้ำมันหอยและน้ำมันงา พักไว้ ผัดเบคอนกับน้ำมันเล็กน้อย พอเหลืองใส่เห็ด ผัดสักครู่ ใส่เส้นหมี่ ใส่ซอสที่ผสมไว้และผัดให้ทั่ว ใส่เมล็ดถั่วลันเตา ผัดเร็วๆ ให้ทั่วและเข้ากัน ตักเสิร์ฟ

ฉบับนี้ G&C คว้าตัวเชฟยีสต์-นกุล กวินรัตน์ เฮดเชฟประจำร้าน The Never Ending Summer และ The Summer House Project ที่กำลังเป็นกระแสสุดฮอตในโลกโซเชียลของสาวๆ มานั่งพูดคุยกัน     เกือบ 2 ชั่วโมงเราพบว่าเชฟไม่ได้มีดีแค่ความหล่อเหลาละมุนละไมเท่านั้น แต่ภายใต้หนวดเคราคมเข้มและแววตาชวนต้องมนต์ เชฟยีสต์ยังมีฝีมือทำอาหารที่น่าสนใจไม่แพ้บุคลิกภายนอก ถึงแม้เชฟไม่ได้เดินทางสายอาหารมาตั้งแต่แรก แต่ด้วยอาการป่วยที่ทำให้ต้องกินอาหารสูตรคุณหมอตลอด 3 เดือนจึงจำเป็นต้องเข้าครัว จนเริ่มรู้สึกสนุกไปกับของเล่นชิ้นใหม่อย่างหม้อใบใหญ่ กระทะใบจิ๋ว และตะหลิวอันน้อย ฯลฯ ช่วงเวลานั้นเองคำว่า “เชฟ” จึงได้เริ่มต้นทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์   “ก่อนมาทำงานที่นี่ผมเคยลองเปิดร้านอาหารเล็กๆ กับเพื่อน ทำเบเกอรี่และอาหารง่ายๆ อยู่ช่วงหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าความรู้ยังไม่พอ เลยตัดสินใจไปเรียนทำอาหารที่ฝรั่งเศส จากนั้นก็มีโอกาสฝึกงานและทำงานในร้านมิชลินสตาร์ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ได้ความรู้มากขึ้นก็คือตอนนี้ครับ ที่นั่นไม่ง้อลูกจ้าง เราต้องฝึกฝนและพัฒนาฝีมือเพื่อขยับตำแหน่งให้เป็นผู้ถูกเลือกทำงานในร้านต่อไป ระหว่างนั้นผมก็รับจ๊อบที่ร้านอาหารไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง จนมีเหตุให้ต้องกลับมาเมืองไทย แล้วเห็นว่าเพื่อน (คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค) เปิดร้านและกำลังรับสมัครเด็กฝึกงานพอดีจึงลองมาสมัครดู ทำไปทำมากลายเป็นว่าได้อยู่ยาวเลย (ยิ้มเขิน)”   เชฟยีสต์เล่าต่อว่าถึงแม้จะไปเรียนในประเทศที่ถูกยกให้วัฒนธรรมอาหารเป็นมรดกของโลก แต่ลึกๆ แล้วยังคงหลงเสน่ห์อาหารไทยที่คุ้นชินมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์อาหารของที่ร้านพอดิบพอดี   “ผมชอบคอนเซ็ปต์อาหารของ The Never Ending Summer รู้สึกโชคดีที่ได้มาทำอาหารไทยโบราณอย่างปลาแห้งแตงโม พะโล้ไม่ใส่เครื่องเทศ หรือแกงระแวงที่หากินยากมาก ไปเรียนเพิ่มเติมกับคุณป้าที่รู้จักซึ่งทำอาหารอยู่ในวังแล้วมาปรับใช้กับเมนูที่ร้านครับ ส่วนร้าน The Summer House Project ที่เพิ่งเปิดใหม่สไตล์อาหารก็ต่างออกไป เปลี่ยนแนวอาหารกันอยู่หลายรอบจนมาลงตัวที่อาหารฟิวชัน มีความเป็นไทยผสมอยู่ในบางเมนู ผมเอาเทคนิคที่เรียนจากฝรั่งเศสมาใช้ในร้านนี้ด้วย”   ครั้งนี้เชฟยีสต์แนะนำสปาเกตตีปลาสลิด เมนูไทยฟิวชันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ดูดีครบสูตรทั้งรูป รส และกลิ่น เคล็ดลับความอร่อยชวนหิวท้องกิ่วอยู่ตรงกลิ่นหอมๆ ของน้ำมันอินฟิวกับพริกแห้งและใบโหระพา ผัดคลุกเคล้ากับเส้นสปาเกตตีที่เชฟลดความแข็งจากการลวกแบบอัลเดนเตกรุบด้านในให้นุ่มลง กินกับปลาสลิดบางบ่อทอดกรอบ 2 รอบ เทคนิคการทอดรอบแรกต้องทอดพอสุกแล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นทอดด้วยไฟแรงอีกครั้ง ปลาสลิดที่ได้จะทั้งหอมและกรอบ เก็บไว้ได้นาน แถมไม่เหม็นหืน นำมาจัดลงบนเส้นสปาเกตตี ตกแต่งด้วยพริกแห้งและใบโหระพาอีกหน่อย   แค่เห็นก็แทบอยากซู้ดเส้นแบบไม่รีรอเลย!     สปาเกตตีปลาสลิด ส่วนผสม เส้นสปาเกตตีต้มสุก 150  กรัม น้ำมันพริกแห้งและน้ำมันโหระพาอย่างละ 1/2  ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับละเอียด 2  กลีบ พริกแห้ง 5 เม็ด ใบโหระพา 10-15 ใบ ปลาสลิดทอดกรอบ 2 ตัว เนย 2 ช้อนชา เกลือป่นและพริกไทยป่นอย่างละ 1/2  ช้อนชา   วิธีทำ ทำน้ำมันพริกแห้งโดยใส่พริกแห้งลงในน้ำมัน นำไปตั้งไฟให้เริ่มร้อน ยกลง พักไว้ให้เย็น กรองน้ำมันไว้ (น้ำมันโหระพาใช้วิธีทำเดียวกัน) ใส่น้ำมันอินฟิวทั้ง 2 ชนิดลงในกระทะ ใส่กระเทียมสับ เจียวให้หอม เร่งไฟแรง ใส่เส้นสปาเกตตี ใส่เกลือ พริกไทย และเนย ตามด้วยใบโหระพาและปลาสลิดทอดกรอบ คลุกเคล้าให้เข้ากันเร็วๆ ตักใส่จานตกแต่งด้วยพริกแห้งและใบโหระพา เสิร์ฟ

  กระเพาะปลาเป็นยาอายุวัฒนะช่วยบำรุงร่างกายให้อบอุ่นและเลือดลมไหลเวียนดี เสิร์ฟพร้อมบะหมี่และราดซอสเป๋าฮื้อ   ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) กระเพาะปลาสด บะหมี่ลวก สาหร่ายเส้นผม ผักกวางตุ้ง ส่วนผสมซอสเป๋าฮื้อ ไก่แก่ 1/2  ตัว ซี่โครงหมู   1  กิโลกรัม ตีนไก่ 1  กิโลกรัม กระดูกหมู  1 กิโลกรัม กังป๋วย 50  กรัม เป๋าฮื้อ  2  กิโลกรัม น้ำมันพืชสำหรับทอด   วิธีทำ ต้มกระเพาะปลาในน้ำที่ใส่จนท่วมนาน 40 นาที เทน้ำออก ตักกระเพาะปลาใส่ในน้ำเย็นผสมน้ำแข็งทันที พักไว้จนหายร้อน นำกระเพาะปลากลับไปต้มต่อในน้ำเดือดอีก 30 นาที เทน้ำออก ตักใส่ในน้ำเย็นผสมน้ำแข็งอีกครั้ง ตักขึ้น พักไว้ แล้วนำไปนึ่งรอ ทำซอสโดยทอดไก่แก่ ซี่โครงหมู ตีนไก่ กระดูกหมู ในน้ำมันพืชร้อนจัด ทอดเร็วๆ (ทอดแยกกันทีละอย่าง) ใส่ทั้งหมดลงในหม้อ ใส่น้ำให้ท่วม ต้มนาน 6 ชั่วโมง ใส่กังป๋วยและเป๋าฮื้อลงต้ม จนมีกลิ่นหอม กรองออก ตักกระเพาะปลาใส่จานเสิร์ฟพร้อมกับบะหมี่ สาหร่ายเส้นผม ผักกวางตุ้ง ราดซอสเป๋าฮื้อ

    การทำอาหารให้เด็กเล็กก่อนอื่นต้องคำนึงถึงคุณค่าทางอาหารและความน่ากิน อย่างเมนูพาสตาควรเลือกพาสตาที่มีรูปร่างต่างๆ มาทำอาหาร เวลาเด็กๆ กินจะได้สนุกและอยากกินมากขึ้น   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) พาสตารูปตัวสัตว์ต่างๆ ชนิดแห้ง  1  ถ้วย เนื้อไก่หั่นชิ้นเล็กพอดีคำ 1/2   ถ้วย หอมหัวใหญ่สับ  2 ช้อนโต๊ะ ราสป์เบอร์รีสดคั้นน้ำ  1 ช้อนโต๊ะ บลูเบอร์รีสด    1/4    ถ้วย ราสป์เบอร์รีสด  1/4   ถ้วย ชีสเชดดาร์ขูด   2  ช้อนโต๊ะ วิปปิงครีม  1/2   ถ้วย น้ำผึ้ง   1-2 ช้อนชา เนยสดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา    เกลือสำหรับปรุงรสเล็กน้อย   วิธีทำ ต้มพาสตาในน้ำเดือดประมาณ 8 นาทีหรือจนสุก ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ คลุกน้ำมันมะกอกเล็กน้อยให้ทั่ว พักไว้ ผัดหอมหัวใหญ่กับเนยและน้ำมันมะกอกที่เหลือด้วยไฟอ่อนให้สุก ใส่เนื้อไก่ ผัดให้เข้ากันและสุก เติมวิปปิงครีม ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำราสป์เบอร์รีคั้นลงไป ค่อยๆ คนให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นสีชมพู ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย นำครีมชีสราสป์เบอร์รีที่ผัดไว้มาคลุกกับพาสตาที่ต้มไว้ เติมน้ำผึ้งและชีสเชสดาร์ คลุกให้เข้ากัน ใส่บลูเบอร์รี ราสป์เบอร์รี คลุกให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟ  

  บะหมี่แห้งน้ำขลุกขลิกกับซอสโคชูจังรสเผ็ดสไตล์เกาหลี เติมชีสเพิ่มรสอร่อย เสิร์ฟร้อนๆ ชีสจะยืดดูน่ากินมาก   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เส้นบะหมี่เกาหลีสำเร็จรูปต้มสุก 2 ห่อ กระเทียมขูด 1 ช้อนโต๊ะ ขิงขูด 1 ช้อนโต๊ะ หนวดปลาหมึกยักษ์หั่นชิ้นพอดีคำ 1/4  ถ้วย เนื้อปลาหมึกกล้วยหั่นแว่น 1  ตัว หอมหัวใหญ่หั่นเสี้ยวบาง 1/2  ถ้วย แครอตหั่นแว่น  1/2 ถ้วย ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นเฉียง 1  ต้น กิมจิผักกาดขาวหั่นเส้น  3/4-1 ถ้วย ชีสมอซซาเรลลาขูด 1/2  ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย ส่วนผสมซอส โคชูจัง 3 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง  1  ช้อนโต๊ะ มิริน 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ใส่กระเทียมและขิงลงผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่หอมหัวใหญ่ เนื้อปลาหมึกและหนวดปลาหมึก พอเริ่มสุกใส่แครอตและกิมจิ ผสมซอสให้เข้ากัน ใส่ซอสประมาณ 1/4 ถ้วยลงผัด ใส่ต้นหอมญี่ปุ่น เติมน้ำเล็กน้อยให้พอขลุกขลิก พอเดือดใส่เส้นบะหมี่เกาหลีต้มสุก ผัดให้เข้ากัน ตักใส่กระทะร้อน โรยชีส พอชีสละลายเสิร์ฟทันที

ในสมัยก่อนเมื่อผู้เขียนยังเป็นเด็กและอยู่บ้านคุณปู่คุณย่า วัตถุดิบอาหารฝรั่งยังไม่มีขายมากเหมือนสมัยนี้ เวลาจะกินอาหารฝรั่งคุณปู่ก็จะอ่านวิธีทำจากตำราอาหารฝรั่ง และต้องคิดดัดแปลงหาของที่มีใกล้เคียงในบ้านเรามาทำแทน   จำได้ว่าเด็กๆ จะกิน Mac & Cheese ซึ่งใช้เส้นพาสตาที่เป็นเส้นข้องอ แต่บ้านเราก็หาไม่ได้ง่าย จึงต้องใช้เส้นเกี้ยมอี๋ของคนจีนที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวแทนเพราะเส้นคล้ายๆ กัน แต่เส้นเกี้ยมอี๋ทำจากแป้งข้าวเจ้า เนื้อจึงนิ่มกว่า ทำซอสขาวหรือเบชาเมล ใส่ชีส บางคนก็ใส่แฮม เบคอนทอด หรือถั่วลันเตาแล้วแต่ชอบรวมไปด้วย โรยหน้าด้วยเกล็ดขนมปังคั่วกับเนยจนกรอบ สมัยก่อนใช้แครกเกอร์บดหยาบๆ แทน เพราะขนมปังหายากและแพงกว่าแครกเกอร์ที่มีขายทั่วไปในกระป๋อง   อีกเมนูที่ผู้เขียนได้กินมาตั้งแต่เด็กคือลาซานญา (Lasagna) แม้จะหาแผ่นลาซานญาไม่ได้ก็ใช้ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ที่ยังไม่ได้ตัดแทน แผ่นคล้ายกันแต่บางกว่า วางในถาดอบ ราดซอสเนื้อหรือซอสโบโลญเนส (Bolognese Sauce)  ราดซุปครีม ซึ่งจะเป็นซุปครีมเห็ดกับไก่ก็ได้ โรยชีส วางแผ่นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ทำสลับชั้นกันไป โรยหน้าด้วยแครกเกอร์บดกับชีส นำเข้าเตาอบจนหน้าเหลืองหอม   ส่วนเตาอบในสมัยก่อนจะมีเตาอบที่คนไทยทำขึ้นใช้กันเอง เป็นเตาอบเล็กๆ ด้านบนของเตาจะมีถาดสำหรับวางถ่านได้เหมือนไฟบน และมีประตูเปิด-ปิด มองเห็นได้ว่าอบอะไรอยู่ พวกขนมเค้ก คุกกี้ ก็อบในเตาอบนี้ได้อย่างอร่อย   คนสมัยก่อนก็จะได้กินอาหารฝรั่งดัดแปลงตามที่บ้านเราหาได้ ดูไปก็อาจจะเข้ากับความนิยมของคนสมัยนี้ที่ชอบนำของที่หาได้ในบ้านเรามาทำอาหารฝรั่งสไตล์ไทย บางจานก็มีรสชาติไทย แต่มีหน้าตาและจัดวางอย่างอาหารฝรั่ง   จะว่าไปแล้วทั้ง 2 เมนูนี้ก็ดูจะเข้ายุคสมัยกับคนที่แพ้กลูเตนซึ่งมีอยู่ในแป้งสาลีที่ใช้ทำพาสตา แต่เส้นก๋วยเตี๋ยวนี้ทำจากแป้งข้าวเจ้า คนที่แพ้กลูเตนก็กินได้อย่างสบายใจ และยังทำง่ายใช้เวลาไม่มาก เหมาะกับคนยุคนี้ที่ชอบบ่นว่าไม่ค่อยมีเวลาทำกับข้าวอีกด้วย ทำแล้วกินกันได้ทั้งครอบครัว     แม็ก & ชีสเกี้ยมอี๋ ส่วนผสม นม 1 ถ้วย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ เนย 2 ช้อนโต๊ะ ชีสเชดดาร์ 1 ถ้วย เส้นเกี้ยมอี๋ประมาณ 3 ถ้วย มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นและพริกไทยป่น เกล็ดขนมปังประมาณ 1 ถ้วย วิธีทำ ทำซอสขาวโดยใส่เนยในกระทะจนละลาย ใส่แป้งสาลี คนจนแป้งสุก ยกกระทะออกจากเตา ค่อยๆ ใส่นม คนให้เข้ากัน ยกกระทะขึ้นตั้งไฟ คนจนซอสข้น ใส่มัสตาร์ด เกลือ และพริกไทย คนให้เข้ากัน ใส่เกี้ยมอี๋ทีละน้อยจนหมด ใส่ชีส 1 ถ้วย คนจนส่วนผสมเข้ากัน (ถ้าข้นเกินไปเติมนม) ตักเกี้ยมอี๋ใส่ชามสำหรับอบ เกลี่ยหน้าให้เรียบ โรยชีสและเกล็ดขนมปังที่คั่วกับเนย (เนยต้องละลายก่อน) จนเป็นสีน้ำตาลอ่อน นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียสประมาณ 15 นาที (เวลาขึ้นอยู่กับภาชนะว่าใหญ่หรือเล็ก) Note ในซอสขาวจะใส่หอมหัวใหญ่ด้วยก็ได้ แต่ต้องผัดจนสุกใสก่อน ใส่พริกป่นละเอียดเล็กน้อยด้วยก็ได้จะมีรสอร่อยขึ้น   ลาซานญาเส้นใหญ่ ส่วนผสมซอสโบโลญเนส น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่สับ 1/4 ถ้วย หอมแดงสับ 1/4 ถ้วย กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ แครอตขูด 500 กรัม เนื้อหมูบด หรือไก่บด หรือเนื้อบด 200 กรัม ซอสมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato Paste) 1  กระป๋องเล็ก  (170 กรัม) มะเขือเทศกระป๋องสับ (Chopped Tomato) 1 กระป๋อง  (400 กรัม) ไวน์ขาว 1 ถ้วย ออริกาโนและไทม์  เกลือป่นและพริกไทยป่น วิธีทำ   ใส่น้ำมันมะกอกในหม้อ พอร้อนใส่หอมหัวใหญ่และหอมแดง ผัดจนสุกใส ใส่กระเทียม ผัดพอหอม ใส่แครอต ผัดจนสลด ใส่เนื้อหมู ผัดสักครู่ ใส่มะเขือเทศเข้มข้นและมะเขือเทศกระป๋องสับ ผัดให้เข้ากัน ใส่ไวน์ขาว ออริกาโน ไทม์ เกลือ และพริกไทย ต้มเคี่ยวด้วยไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนประมาณ 30 นาทีจนงวด พักไว้   ส่วนผสมลาซานญาเส้นใหญ่ ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ไม่ตัดเส้นประมาณ 1 กิโลกรัม ซอสโบโลญเนส ซุปครีมเห็ดกระป๋อง ชีสเชดดาร์ขูด เกล็ดขนมปังคั่วเนย วิธีทำ  ตัดเส้นก๋วยเตี๋ยวให้ใหญ่พอดีกับถาดที่ใช้อบ วางเส้นก๋วยเตี๋ยวในถาด ใส่ซอสโบโลญเนส เกลี่ยให้ทั่ว ตักซุปครีมเห็ดใส่ วางเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำสลับชั้นเหมือนเดิมจนเต็มถาด ชั้นบนสุดเป็นซอสโบโลญเนส โรยชีสเชดดาร์และเกล็ดขนมปัง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียสประมาณ 20 นาทีจนหน้าเป็นสีน้ำตาลสวย

หากพูดถึง "อาหารอิตาเลียน" เราว่าหลายคนคงมีเมนูในใจให้นึกถึงบ้าง แต่สำหรับเชฟชูชาติ แก้วนาง เชฟประจำห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค แล้วอาหารอิตาเลียนคือเมนูที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเขาเสมอ     20 ปีก่อนหน้านี้เชฟเริ่มต้นอาชีพด้วยการทำอาหารไทย แต่สุดท้ายมาลงเอยที่อาหารอิตาเลียน เพราะความหลงใหลในขั้นตอนการทำอาหารที่ไม่เหมือนกันของแต่ละเชื้อชาติ ทำให้ต้องกลับมาค้นคว้าข้อมูลที่มีมากไม่รู้จบอยู่บ่อยครั้ง เป็นเรื่องท้าทายหากการพัฒนาตัวเองจะทำให้เมนูอาหารของเชฟดีขึ้นและแตกต่างออกไปจากเดิมทุกครั้ง   เช่นเดียวกับการแข่งขันทำอาหาร เชฟชาติขึ้นชื่อว่าเป็นนักแข่งขันตัวยง เคยเข้าร่วมประกวดการแข่งขันทำอาหารมาแล้วหลายรายการ ด้วยเหตุผลว่าการแข่งขันทำอาหารต้องอาศัยทั้งทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในการทำเมนูที่กำหนดให้ออกมาดีในเวลาที่จำกัด ทุกอย่างมีผลในการตัดสินและให้คะแนน จึงจำเป็นต้องใช้ทั้งจินตนาการและความคิดมากกว่าทำอาหารในโรงแรม   "การแข่งขันมีผลต่อการทำอาหารมากครับ ทำให้เรามีความคิดใหม่ๆ ได้เห็นคนอื่นทำก็เป็นไอเดียนำมาปรับปรุงจานอาหารของเราได้ทั้งเรื่องหน้าตาและวิธีทำ เรายังนำความรู้ที่ได้จากการแข่งขันมาปรับใช้กับเมนูที่โรงแรมได้ด้วยทั้งเรื่องดีไซน์ ปริมาณ และรสชาติอาหาร"   เหมือนเมนูที่เชฟทำในครั้งนี้เป็นพาสตาสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งครีเอตให้มี 3 หน้าตาและ 3 รสชาติในจานเดียว มัดใจเราด้วยเส้นพาสตา 3 สี 3 รส ลวกแบบอัลเดนเต (Al dente 8 นาที) กัดแล้วยังมีความกรุบด้านใน เส้นสีเขียวได้จากผักโขม ราดพิงก์ซอสที่ทำจากซอสมะเขือเทศ เนื้อปลาแซลมอน วิปปิงครีม น้ำมันมะกอก และไวน์ขาว กินกับปลาแซลมอนย่างเนื้อฉ่ำ ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอนเม็ดกลมใหญ่   ต่อด้วยเส้นสีแดงจากบีตรูต ราดซอสเพสโตหอมมันซึ่งทำจากพีแคนและแมกคาเดเมีย ใบโหระพา น้ำมันมะกอก เข้ากันกับหอยเชลล์ย่างกระเทียมเนื้อแน่น ส่วนเส้นสีดำจากหมึกปลาหมึกนำมาราดไวต์ซอสที่ทำจากวิปปิงครีม เนื้อปูหิมะ ชีสพาร์เมซานและมอซซาเรลลา เคี่ยวกับไวน์ขาวกลิ่นหอม จับคู่กับกุ้งลายเสือย่างเนื้อหวาน   เป็นการผสมผสานกันแบบลงตัวสไตล์เชฟชูชาติที่หากินได้ที่ห้องอาหารปาร์ค คาเฟ่ต์ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค เท่านั้น     พาสตาสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน   ส่วนผสม เส้นพาสตา 120 กรัม หอยเชลล์ 1 ตัว กุ้งลายเสือ 1 ตัว ปลาแซลมอน 1-2 ชิ้น ไข่ปลาแซลมอน 1 ช้อนโต๊ะ พาร์สลีย์สับ 1 ช้อนโต๊ะ พริกหวานหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมพิงก์ซอส ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ วิปปิงครีม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา ไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ เนื้อปลาแซลมอน 1 ชิ้น กระเทียมสับ และหอมหัวใหญ่สับอย่างละ 1/2 ช้อนชา เนยสด 2 ช้อนชา เกลือป่นและพริกไทยดำป่นอย่างละหยิบมือ ส่วนผสมซอสเพสโต พีแคน และแมกคาเดเมียอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ใบโหระพา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 2 1/2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ และหอมหัวใหญ่สับอย่างละ 1 ช้อนชา เนยสด 2 ช้อนชา เกลือป่นและพริกไทยดำป่นอย่างละหยิบมือ ส่วนผสมไวต์ซอส เนื้อปูหิมะ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ชีสพาร์เมซาน และมอซซาเรลลาอย่างละ 2 ช้อนชา ไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับและหอมหัวใหญ่สับอย่างละ 1/2 ช้อนชา เนยสด  2 ช้อนชา เกลือป่นและพริกไทยดำป่นอย่างละหยิบมือ   วิธีทำ ต้มเส้นพาสตาในน้ำเดือดใส่เกลือ ต้มให้สุกแบบอัลเดนเต (Al dente)                    นำเส้นพาสตาใส่ตะแกรง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ คลุกกับน้ำมันมะกอก พักไว้    หมักกุ้งลายเสือ หอยเชลล์ และแซลมอนกับไวน์ขาว น้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย แล้วย่างพอสุก พักไว้ ทำซอสพาสตาทั้ง 3 ชนิด แล้วนำมาผัดกับเส้นพาสตา ตักใส่จานพร้อมซีฟู้ดที่ย่างไว้ ตกแต่งจานให้สวยงามด้วยพาร์สลีย์และพริกหวาน                  

เนื้อสะโพกไก่หมักตะไคร้หอมๆ ย่างในกระทะจนสุก กินกับเส้นหมี่และผักสดหลายชนิด ราดน้ำจิ้มรสเปรี้ยวอมหวาน อร่อยแบบเบาๆ ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) สะโพกไก่ 4 ชิ้น ตะไคร้ซอย 1/4 ถ้วย กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา เกลือป่น 1/8 ช้อนชา เส้นหมี่ขาวลวก 2-3 ถ้วย ผักสำหรับเสิร์ฟ เช่น แครอตขูด ใบสะระแหน่ พริกชี้ฟ้าแดงซอย ผักชีฝรั่งซอย และผักแพวอย่างละเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำจิ้ม พริกชี้ฟ้าแดง (กรีดเมล็ดออก) 3-4 เม็ด  พริกสีดา 1-2 เม็ด  กระเทียม 6 กลีบ  น้ำส้มสายชูหมัก 1/2 ถ้วย  น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย  น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ  น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย เกลือป่น 1/2 ช้อนชา  วิธีทำ หมักสะโพกไก่กับตะไคร้ กระเทียม น้ำปลา น้ำตาล และเกลือประมาณ 2 ชั่วโมง ย่างในกระทะหรืออบจนเนื้อไก่สุก หั่นเป็นชิ้น พักไว้ ทำน้ำจิ้มโดยต้มพริกชี้ฟ้า พริกสีดา และกระเทียมในน้ำส้มสายชูหมักผสมกับน้ำเปล่า น้ำปลา น้ำตาล และเกลือ ต้มจนพริกนุ่ม ตักพริกและกระเทียมขึ้นมาตำให้ละเอียด ตักใส่ในน้ำส้มสายชูที่ต้มไว้ ชิมรสและปรุงตามชอบ เสิร์ฟเส้นหมี่กับไก่ย่างพร้อมผักสดและน้ำจิ้ม

เส้นบะหมี่ไข่นำมาลวกให้นุ่มและจี่บนกระทะจนมีกลิ่นหอม ราดน้ำราดที่ทำจากน้ำซุปปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำมันหอย และน้ำมันงา ใส่หอยนางรมและเนื้อปูอร่อยเต็มคำ ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) บะหมี่ไข่ 2-4 ถ้วย เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นเส้น 4 ดอก หอยนางรม 200 กรัม เนื้อปู 200 กรัม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 2-3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำซุป 1/2-1 ถ้วย แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมหั่นเส้นตามชอบ น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย วิธีทำ ลวกบะหมี่ให้สุก จี่ในกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยจนมีกลิ่นหอมและเกรียมนิดๆ ตักใส่จาน ทำน้ำราดหน้าโดยผัดเห็ดหอมกับน้ำมันพืชจนนุ่มและมีกลิ่นหอม ใส่ซีอิ๊วขาว เติมน้ำซุป ใส่น้ำมันหอยและน้ำมันงา ชิมรส ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำ ผัดให้ข้น ใส่หอยนางรมและเนื้อปู ผัดเร็วๆ ปิดไฟ ตักน้ำราดบนเส้นบะหมี่ โรยต้นหอม

บะหมี่ผัดเส้นเหนียวนุ่ม รสอร่อยด้วยซอสเอ็กซ์โอและซอยหอยนางรมอย่างดี ใส่ทั้งเนื้อกุ้งและหมูแดง รสหวาน อร่อย และมีกลิ่นหอม เป็นเมนูจานด่วนเหมาะสำหรับมื้อเที่ยงวันอาทิตย์ของครอบครัว   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เส้นบะหมี่ลวก 300 กรัม เนื้อกุ้งหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม หมูแดงหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม ซอสเอ็กซ์โอ 1/2 ถ้วย น้ำมันหอย 1/4 ถ้วย ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับผัด   วิธีทำ ตั้งกระทะผัดเนื้อกุ้งกับน้ำมันจนพอสุก ใส่หมูแดง ซอสเอ็กซ์โอและน้ำมันหอย ใส่เส้นบะหมี่ลงผัดให้ทั่ว ชิมรสและปรุงเพิ่มได้ตามชอบ ใส่ต้นหอม ตักใส่จาน

“ทสึเคะเมง” หรือราเมงแยกน้ำ เสิร์ฟเส้นและน้ำซุปแยกกัน เวลากินจะคีบเส้นราเมงที่ลวกจนเหนียวนุ่มลงจุ่มในน้ำซุปร้อนๆ น้ำซุปต้มจากกระดูกหมูให้เข้มข้นมากกว่าปกติเพื่อให้เคลือบเส้นได้ดี ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เส้นราเมงลวก 2-4 ถ้วย หมูชาชู ไข่ต้ม หน่อไม้ญี่ปุ่นต้ม ลูกชิ้นปลา ไควาเระ ต้นหอมญี่ปุ่นซอย และพริกป่นญี่ปุ่นอย่างละเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำซุป กระดูกสันหลังหมู 1/2 กิโลกรัม  หมูสามชั้น 300 กรัม  ขิงหั่นแว่น 3-5 ชิ้น  ต้นหอมญี่ปุ่นหั่น 1/2 ต้น  เกลือทะเล 1 ช้อนโต๊ะ  มิโซะ 2-3 ช้อนโต๊ะ  โชยุ 1-2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ทำน้ำซุปโดยต้มกระดูกสันหลังหมูและหมูสามชั้น ใส่น้ำให้ท่วม ต้มไฟแรงจนเดือด ใส่ขิง ต้นหอมญี่ปุ่นหั่น และเกลือทะเล ต้มนานประมาณ 2 ชั่วโมง กรองน้ำซุป ใส่มิโซะและโชยุ ชิมรสและปรุงเพิ่มได้ตามชอบ ลวกเส้นราเมงใส่ชาม วางหมูชาชู ไข่ต้ม หน่อไม้ญี่ปุ่น ลูกชิ้นปลา ไควาเระ ต้นหอมญี่ปุ่นซอย เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปร้อนๆ โรยพริกป่นญี่ปุ่นได้ตามชอบ

แปลงโฉมต้มยำกุ้งให้เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้ง ครบเครื่องทั้งกุ้งทอดและลูกชิ้นกุ้ง หอมเครื่องต้มยำจากสมุนไพรเต็มๆ จะกินอย่างแห้งหรือน้ำก็อร่อย ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 2 ถ้วย ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย ใบมะกรูดซอย 1/4 ถ้วย ผักชีฝรั่งซอย 1/4 ถ้วย กุ้งชุบแป้งทอด 4-8 ตัว ลูกชิ้นกุ้ง 8-12 ลูก น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูซอยและผักชีตามชอบ น้ำซุปสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ ลวกเส้นเล็กและลูกชิ้นกุ้งใส่ชาม ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด และผักชีฝรั่ง วางกุ้งชุบแป้งทอด ผสมน้ำพริกเผา น้ำมะนาว น้ำปลา และพริกขี้หนู ราดบนเส้น โรยผักชี เสิร์ฟอย่างแห้งหรือพร้อมน้ำซุปก็ได้

เนื้อหมูสามชั้นเมื่อตุ๋นนานเนื้อจะนุ่มและอร่อย ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยวเข้มข้นรสชาติเค็มและมีรสหวานนิดๆ จากน้ำตาล กลิ่นหอมคล้ายพะโล้ กินกับบะหมี่เส้นนุ่มๆ เพิ่มรสจัดจ้านเผ็ดเปรี้ยวด้วยน้ำจิ้มพริกกระเทียมบด ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) หมูสามชั้น 500 กรัม ขิงหั่นแว่น 4-5 แว่น เต้าเจี้ยวเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊ว 1/4 ถ้วย น้ำตาลกรวด 2 ช้อนโต๊ะ เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ อบเชยยาว 1 นิ้ว 1 แท่ง โป๊ยกั๊ก 2 ดอก น้ำมันพืชสำหรับผัด บะหมี่จีนลวก เห็ดชิเมะจิ กุ้งลวก และต้นหอมซอยสำหรับเสิร์ฟ  ส่วนผสมน้ำจิ้ม น้ำจิ้มพริกกระเทียม 3 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน วิธีทำ หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นเล็กแล้วสับหยาบๆ ไม่ต้องให้ขาดจากกัน ผัดกับน้ำมันพืชเล็กน้อยจนน้ำมันหมูออกมา ใส่เต้าเจี้ยวและซีอิ๊ว ผัดสักครู่ เติมน้ำให้พอท่วม ใส่น้ำตาลกรวด เหล้าจีน อบเชย โป๊ยกั๊ก และขิง ต้มไฟอ่อนนาน 1-2 ชั่วโมง ชิมรสและปรุงตามชอบ (ระหว่างต้มถ้าน้ำแห้งเติมน้ำทีละน้อย) ลวกบะหมี่และเห็ดชิเมะจิใส่ชาม วางกุ้งลวกและใส่หมูสามชั้นตุ๋น โรยต้นหอม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม และน้ำซุปตามชอบ

แม้จะเรียกว่าผัดวุ้นเส้น แต่แท้จริงแล้ว “ฉับแช” ใช้วิธียำและคลุกรวมกันมากกว่า หัวใจหลักของเมนูคือวุ้นเส้นเกาหลี ซึ่งทำจากแป้งมันสำปะหลัง เส้นอวบใหญ่เหนียวนุ่มหนึบ ยำผักกับเนื้อวัวตามสูตรดั้งเดิมหรือเปลี่ยนเป็นเนื้อหมูก็ได้ ถ้าปรุงรสให้เข้มข้นจะกินเป็นกับข้าวก็ได้  ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) วุ้นเส้นเกาหลี 40 กรัม เนื้อหมูไม่ติดมันหั่นเส้น 60 กรัม เห็ดหอมแห้งแช่น้ำจนนุ่มหั่นฝอย 2 ดอก หอมหัวใหญ่ 100 กรัม แตงกวาญี่ปุ่น 2/3 ผล แครอต 100 กรัม ถั่วงอกเด็ดหัวและหาง 40 กรัม พริกหวานสีแดงและสีเหลือง 100 กรัม ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำมันพืช เกลือป่น น้ำมันงาเกาหลี และซีอิ๊วเกาหลีเล็กน้อย ส่วนผสมซอสปรุงรสเกาหลี ซีอิ๊วเกาหลี 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา พริกไทยป่นเล็กน้อย น้ำบ๊วยเกาหลี 1 ช้อนโต๊ะ งาขาวป่น 2 ช้อนชา กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมญี่ปุ่น (เฉพาะต้นสีขาวใช้เฉพาะกลีบนอก 3-4 ชั้น) สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผสมซอสปรุงรสเกาหลีให้เข้ากัน ชิมรส แล้วแบ่งมาปรุงรสเห็ดหอม เนื้อหมู พักไว้ หั่นผักทุกชนิดเป็นเส้นยาวเท่าๆ กัน แยกใส่ชามไว้ (แตงกวาใช้เฉพาะเปลือกสีเขียว) ใส่เกลือในแครอตและแตงกวาเล็กน้อย เคล้าด้วยมือให้เข้ากัน พักไว้สักครู่ผักจะยุบและสลด ลวกถั่วงอกในน้ำเดือดใส่เกลือเล็กน้อย ตักขึ้นใส่น้ำเย็น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำมันงาเล็กน้อย ผัดหอมหัวใหญ่กับน้ำมันพืชเล็กน้อย ใส่เกลือ ผัดพอสุก ตักขึ้น พักไว้ ใส่แตงกวาลงผัดต่อในกระทะเดิม ใช้ไฟแรงผัดเร็วๆ แล้วตักขึ้น ผัดแครอตต่อให้พอสุก ตักขึ้น ผัดเห็ดกับน้ำมันพืชเล็กน้อย ถ้าแห้งเติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ตักขึ้น ผัดหมูกับน้ำมันให้สุก ตักขึ้น แยกไข่ขาวและไข่แดงปรุงรสด้วยเกลือ ทอดในกระทะเทฟลอนด้วยไฟอ่อนจนสุกทั้ง 2 ด้าน หั่นเป็นเส้น พักไว้ แช่วุ้นเส้นในน้ำประมาณ 30 นาที แล้วต้มในน้ำเดือดจนสุกนุ่ม ตักขึ้นล้างน้ำเย็น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ใส่น้ำมันงาเคล้าให้เข้ากัน พักไว้ จัดวุ้นเส้นใส่กลางชามสำหรับเสิร์ฟ เรียงผัก เนื้อหมู เห็ดหอมที่เตรียมไว้จัดให้สวยงาม ราดซอสปรุงรสเกาหลีที่เหลือ เมื่อจะกินคลุกทั้งหมดให้เข้ากัน (คล้ายยำบ้านเรา)